เผยแพร่ |
---|
ไดนาไมท์ – ลัช -โรลเลอร์ โคสเตอร์ ที่ทำลูกอมสอดไส้ ขนมรูปวงเจ้าแรกๆ หนึ่งในกลยุทธ์ ‘แจ็ค แอนด์ จิล’ แบรนด์ขนมขบเคี้ยว ทะยานสู่ความสำเร็จ 3 ทศวรรษ
เชื่อว่าหลายคนเติบโตมากับขนมขบเคี้ยว โรลเลอร์ โคสเตอร์, ทิวลี่, ไดนาไมท์, ฟันโอ, โลซาน, ดิวเบอร์รี่ และอีกมากมายในตระกูล Jack ‘n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ล่าสุดได้จัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอดระยะเวลา 30 ปี พร้อมเปิดเผยกลยุทธ์ และแผนในอนาคตนับจากนี้
นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา และรองประธาน บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แจ็ค แอนด์ จิล ออกสินค้าตัวแรกในปี 1993 คือ โรลเลอร์ โคสเตอร์ ถึงปัจจุบันปี 2023 มีผลิตภัณฑ์ในเครือมากกว่า 15 แบรนด์ 5 หมวดสินค้า
ได้แก่ บิสกิต, เวเฟอร์, ขนมขบเคี้ยว, เค้ก และลูกอม โดยมีสินค้าเรือธงแบรนด์บิสกิตและเวเฟอร์อันดับ 1 คือ ฟันโอและทิวลี่ ซึ่งมีการผลิตในประเทศไทยแบบ 100% ใน 6 โรงงาน 4 คลังสินค้า เขตนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร พื้นที่ครอบคลุมกว่า 85 ไร่
สำหรับภาพรวมของตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยปี 2022 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 74,000 ล้านบาท แจ็ค แอนด์ จิล มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% ส่วนสินค้าเรือธงที่ครองความเป็นหนึ่งในตลาดบิสกิสและเวเฟอร์ บิสกิต มีส่วนแบ่งการตลาด 34% จากมูลค่าตลาด 4,065 ล้านบาท และ เวเฟอร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 20% จากมูลค่าตลาด 4,694 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปี 2566 โตไม่ต่ำกว่า 10-12% จากปีก่อน
กลยุทธ์ของ แจ็ค แอนด์ จิล
1. Product Innovation แจ็ค แอนด์ จิล เน้นการรับฟังเสียงของผู้บริโภคเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับกระแสโซเชียลเพื่อจับเทรนด์คนรุ่นใหม่ และเจาะกลุ่มเจน Z นำมาสู่การออกสินค้าที่มีนวัตกรรม โดยเฉลี่ย 30-50 ตัวต่อปี เช่น การเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำลูกอมสอดไส้ ไดนาไมท์และลัช หรือ โรลเลอร์ โคสเตอร์ รูปวงเจ้าแรก และโลซาน ทูโทน นวัตกรรม 2 รสชาติใน 1 เดียว
2. Brand Collaboration สร้างความตื่นเต้นด้วยการออกสินค้าที่ Collab กับพันธมิตร เช่น ทิวลี่xโอวัลติน โรลเลอร์ โคสเตอร์xบาร์บีคิว พลาซ่า และโรลเลอร์ โคสเตอร์xกลัฟ คณาวุฒิ รสนี้ที่แนะนำ ฯลฯ
3. Trending Flavor ออกรสชาติที่อยู่ในกระแสนิยมอย่างต่อเนื่อง เช่น ลูกอมลัช ชานม, ดิวเบอร์รี่ รสส้มยูสุ, ทิวลี่ จัมโบ้ รสนมฮอกไกโด, โรลเลอร์ โคสเตอร์ ขนมโตเกียว, โรลเลอร์ โคสเตอร์ หม่าล่า, โรลเลอร์ โคสเตอร์ ทรัฟเฟิล และ ฟันโอ คาราเมลป๊อปคอร์น
“สิ่งที่เรายืนหยัดมาตลอด 30 ปี คือการออกสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาจับต้องได้เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ทุกวัน การันตีได้จากรางวัลที่ได้รับมากมาย อาทิ แบรนด์ฟันโอ กับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand
และ Market Leader Brand Award ครองบัลลังก์ความเป็น 1 ในใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยนิตยสาร BrandAge ประจำปี 2021 และรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2019-2020 รางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย ในหมวดหมู่สินค้ากลุ่มบิสกิตและแครกเกอร์ ฯลฯ” ผู้จัดการทั่วไป กล่าว
แผนในอนาคตของ แจ็ค แอนด์ จิล
นายฐานันท์ กล่าวต่อว่า เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี แจ็ค แอนด์ จิล ได้ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เพื่อติดท็อป 3 Advertisers ของบริษัทที่มีมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน พร้อมจัดแคมเปญพิเศษตลอด 12 เดือน ผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย
อาทิ โรลเลอร์ โคสเตอร์ จัดแคมเปญ “กินไปมันส์ไปใช้ชีวิต Roller Coaster” มอบรางวัลใหญ่ให้ผู้โชคดีเป็นแพ็กเกจตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ไปใช้ชีวิตสุดมันส์นั่งโรลเลอร์ โคสเตอร์ ที่สวนสนุก Universal Studios ประเทศญี่ปุ่น
และของขวัญพิเศษในปีนี้ของแบรนด์บิสกิตอันดับ 1 ฟันโอ ที่รับฟังเสียงจากผู้บริโภค กับแคมเปญ “ฟันโอ 6 ชิ้น กลับมาแล้ว” ที่มีให้เลือกถึง 11 รสชาติ ส่วนทิวลี่ ยังเอาใจฐานลูกค้าด้วยการรีแคมเปญ “ทิวลี่ ทวิน อร่อยฟิน 2 ชิ้น 2 บาท” อีกครั้ง
ตั้งเป้าบุกตลาด Health & Wellness เต็มตัวในครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ได้แก่ เล็คซัส (Lexus) และ โอ๊ต ครันชน์ (Oat Krunch) ชูจุดขายบิสกิตที่ผลิตด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี ในราคาที่เอื้อมถึง
ผลักดันกลยุทธ์ Music Communication สร้างความสนุกผ่านเสียงเพลงแบบครบวงจร อาทิ สื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล กิจกรรมออนกราวน์ สื่อ ณ จุดขาย และกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกมากมาย
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าสู่ความยั่งยืน (Sustainability) โดยตั้งเป้า Net-Zero GHG Emission ภายในปี 2055 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน ด้วยการใช้พลังงานทดแทนจากการติดตั้ง Solar Power ครอบคลุมทุกโรงงานแล้วเสร็จในปี 2021 และเสริมสร้างชุมชนด้วยแผนติดตั้งหลังคาโซลาร์ ให้กับ 10 โรงเรียน ภายในระยะเวลา 5 ปี
พร้อมเดินหน้าผลักดันสู่การเป็นองค์กร Great Place to Work ที่สะท้อนบรรยากาศการทำงานแบบ Fun Work Place ที่สะท้อนภาพองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคน รวมถึงให้ความสำคัญกับ Work Life Balance เพื่อส่งเสริมให้พนักงานทำงานด้วยความสุข สนุกกับการทำงาน