SMEs “โตหลายเท่า” ด้วยเครื่องมือลดเหลื่อมล้ำ เข้าถึงบริการภาครัฐ

SMEs “โตหลายเท่า” ด้วยเครื่องมือลดเหลื่อมล้ำ เข้าถึงบริการภาครัฐ

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดกิจกรรม “Showcase โต GO 4 ภาค” เดินสายประชาสัมพันธ์รวมบริการ E-Service ภายใต้ระบบ “SME ACCESS” ของ สสว. ปักหมุดหัวเมืองใหญ่ เพื่อเข้าถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ทดลองใช้งานและเข้าถึงสิทธิประโยชน์มากมายอย่างจุใจ ไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดทั้งงาน

สำหรับระบบ “SME ACCESS” ของ สสว. คือ การรวมดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อ MSME และ SMEs ในรูปแบบ  E-Service ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร องค์ความรู้ มาตรการ บริการต่างๆ ฯลฯ ของ สสว. และองค์กรภาครัฐที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นทั้งผู้ช่วยและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในมือผู้ประกอบการ ที่ออกแบบมาให้เข้าถึงได้สะดวก ง่าย พร้อมตอบโจทย์ด้วยบริการที่ครอบคลุมความต้องการในการทำธุรกิจของ MSME และ SMEs อย่างครบครัน

โดยในปัจจุบัน ดิจิทัลแพลตฟอร์มภายใต้ระบบ SME ACCESS ประกอบด้วย 8 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ 1. SME ONE ID หนึ่งรหัสหนึ่งผู้ประกอบการ เชื่อมทุกโอกาสเติบโต 2. SME CONNEXT แอปพลิเคชันเพื่อ(น)คนธุรกิจ 3. เว็บไซต์ SME ONE ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเพื่อผู้ประกอบการ 4. THAI SME-GP มาตรฐานสนับสนุนให้ SMEs เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

เอสเอ็มอี โตหลายเท่า

5. SME Academy 365 แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ รวมหลักสูตรที่ผู้ประกอบการต้องรู้ 6. โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) 7. SME COACH รวมที่ปรึกษาและบริการที่ปรึกษาออนไลน์ และ 8. ระบบส่งต่อเพื่อขอรับบริการภาครัฐ

โดยภายในงาน “Showcase โต GO 4 ภาค” ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อม 8 แพลตฟอร์มภายใต้ SME ACCESS ทราบช่องทางการเข้าถึงและใช้งาน รวมถึงได้ฟังประสบการณ์ตรงจากผู้ประกอบการตัวแทนภาคต่างๆ ที่ได้ใช้บริการระบบ SME ACCESS เป็นเครื่องมือทลายขีดจำกัดทางธุรกิจ สร้างการเติบโตได้เหนือกว่าที่คิด จนสามารถ “โตหลายเท่า” ได้

สำหรับที่เชียงใหม่นั้น คุณณัฐวดี เอมศิรานันท์ ทายาทผลไม้แสงทองรุ่นที่ 3 เจ้าของแบรนด์น้ำพริกเจ๊คุ้ง น้ำพริกเจ้าอร่อยที่อยู่คู่เชียงใหม่มากว่า 20 ปี ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ธุรกิจโตขึ้นหลายเท่าและหลายมิติ พร้อมกระโดดเข้าสู่ตลาดออนไลน์เต็มตัวด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่และแพ็กเกจจิ้งรูปแบบใหม่ ขยายฐานสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน กลุ่มนักท่องเที่ยวฯ

และยังเตรียมโตสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดในอนาคต โดยจุดเปลี่ยนเริ่มจากการใช้งานแอปพลิเคชัน SME CONNEXT จนมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการกับ BDS หรือ Business Development Service กับ สสว. ที่ให้เงินทุนสนับสนุนธุรกิจภายใต้มาตรการถึง 80% ส่งผลให้ใช้ระยะเวลาเพียง 7-8 เดือน ก็สามารถปรับแบรนด์เจ๊คุ้ง ให้พร้อมโตสู่ตลาดใหม่ได้อย่างยั่งยืน

ตั้งใจ

นอกจากนี้ คุณณัฐวดี ยังได้เตรียมเข้าร่วมรับคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญผ่านแพลตฟอร์ม SME Coach ต่อเนื่อง ซึ่งจะเติมเต็มด้านการตลาดออนไลน์ ดันแบรนด์เจ๊คุ้งให้โตอย่างมีทิศพร้อมพิชิตความสำเร็จได้ตามเป้าที่วางไว้

อีกผู้ประกอบการตัวแทนภาคที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ “โต” ผ่านเครื่องมือ SME ACCESS ของ สสว. คือ “ณัฐชนกฝ้ายแพรไหม” นำโดย คุณณัฐวุฒิ โล่ห์ชนะเจริญพร ทนายความที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ สร้างแบรนด์ผ้าไทยให้มีจุดขายแบบ Total Solution จัดเซตจับคู่เสื้อพร้อมผ้านุ่ง ให้สวมใส่ได้อย่างถูกต้องตรงตามอัตลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์

และคุณณัฐวุฒิยังเป็นผู้นำนวัตกรรมเส้นใยจากถุงพลาสติก มาใช้พัฒนาสินค้ารักษ์โลกที่ผสานเอกลักษณ์ผ้าพื้นเมืองสู่เวทีโลกอย่างน่าภาคภูมิ สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจเปิดสู่โอกาสโตหลายเท่า เกิดจากการเข้าร่วมโครงการ BDS หรือ Business Development Service  กับ สสว. จนได้ไปแสดงสินค้าในงานฮ่องกงแฟชั่นวีก เวทีแสดงสินค้าแฟชั่นระดับโลก ซึ่งงานนี้ สสว. สนับสนุนค่าใช้จ่าย 80% เช่นเดียวกัน

ผู้ประกอบการ SMEs และ MSME ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 และวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณดุษณีย์ ม่วงปั่น โทร. 086 327 5477 หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sme.go.th/th/?