ตั้งรับเท่ากับเจ๊ง ทำธุรกิจต้องไม่หยุดตะโกน คิดกลยุทธ์คว้าเงินในอากาศ

ตั้งรับเท่ากับเจ๊ง ทำธุรกิจต้องไม่หยุดตะโกน คิดกลยุทธ์คว้าเงินในอากาศ

เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่อาคารมติชนอคาเดมี สถานที่จัดงาน UPSKILL THAILAND 2023 “ถึงรส ถึงชาติ” ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ เส้นทางเศรษฐี, ศิลปวัฒนธรรม และ มติชนอคาเดมี ตั้งเป้าหมายให้เป็นงานพัฒนาทักษะทางอาหารแบบครบรส ในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเสวนาไฮไลต์ส่งท้ายงาน ในหัวข้อ “กว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น หญิงแกร่งหมูทอด และ ราชาหมูปิ้ง” โดยวิทยากรคนดัง อย่าง เจ๊จง-จงใจ กิจแสวง และ เฮียนพ-ชวพจน์ ชูหิรัญ มาร่วมกันถ่ายทอดชีวิตก่อนจะได้การยอมรับกลายเป็นตำนาน ที่ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจ แต่ยังช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ

เจ๊จง กล่าวตอนหนึ่ง ปัจจุบันหมูทอดเจ๊จง มี 15 สาขา ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง มีลูกๆ มาช่วยกันสานต่อ แต่ถ้าจะบอกว่าเราประสบความสำเร็จแล้วคงไม่ใช่ แต่หลังผ่านโควิดมาได้ ถือว่าอยู่ได้ในระดับหนึ่ง แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

เฮียนพ กับ เจ๊จง โคจรมาพบกัน

“ช่วงติดโควิด ต้องวางมัดจำ 3 แสน ลูก 6 คน ถ้าเป็นขึ้นมาต้องใช้เงินเท่าไหร่ เลยเอาบ้านเข้าจำนองต่อ มาปิดโอดีเพื่อจะมีเงินสดมาถือในมือ ช่วงนั้นทำโรงงานข้าวกล่อง เช่าที่ทำแถวบางบัวทอง ค่าใช้จ่ายเดือนละแสนกว่าบาท โควิดเข้าเรายังไม่เจ๊ง แต่ถอยก่อน คือเลิกเช่าลดค่าใช้จ่าย แล้วกลับมาทำร้านที่พระราม 4 อย่างเดียว บอกกับลูกว่า เลิกก่อนเป็นหนี้ ดีกว่าเป็นหนี้แล้วค่อยเลิก เพราะถ้าเป็นหนี้แล้วค่อยเลิกเราจะไปต่อไม่ไหว” เจ๊จง เล่าอย่างนั้น

ด้านเฮียนพ บอกว่า พอทำธุรกิจมาถึงระดับหนึ่ง คุณต้องมีเวทีเป็นของตัวเองให้ตัวเองเล่น เพราะถ้ามัวแต่รอให้คนนั้นเอาไปโพสต์ คนนี้เอาไปแชร์ คงไม่ได้ เพราะหลักสำคัญจริงๆ ในการทำธุรกิจสำหรับโลกทุกวันนี้ คือ ทำธุรกิจต้องไม่หยุดตะโกน ไม่ใช่ตะโกนบ้าๆ บอๆ แต่ตะโกนในที่นี้ หมายความว่าต้องทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะถ้าผู้ประกอบการตั้งรับก็เท่ากับเจ๊ง

“ผู้ประกอบการต้องสร้างตัวตน เงินอยู่ในอากาศเต็มไปหมด อยู่ที่จะคว้ามาได้ยังไง อยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละคน ค้าขายยุคนี้ง่ายกว่ายุคก่อน เพราะโลกเปลี่ยนไป ทุกคนมีทีวีคนละ 1 ช่อง ทุกคนมีเฟซบุ๊ก ไม่ต้องไปรอรายการทีวีใดๆ เพราะบางรายการมีคนตามไม่เท่ากับนักกินดังๆ เลย” เฮียนพ บรรยายออกรส

ออกรส

ก่อนขยายความว่า การสร้างตัวตนของผู้ประกอบการยุคนี้ ไม่ใช่ทำแต่รูปสวยๆ ทำแต่คอนเทนต์ดีๆ แต่สินค้าออกมาไม่ได้เรื่องก็ไม่ได้ เพราะสรุปสุดท้ายก็ต้องกลับมาที่สินค้าอยู่ดี

“อยากบอกกับผู้ประกอบการว่า ถ้าคุณทำสินค้าดี ถ้าสร้างตัวตนเป็นแล้ว คุณไม่ต้องพูด เพราะรีวิวมันจะพูดแทนเอง” เฮียนพ บอกอย่างนั้น

ประเด็นนี้ เจ๊จง กล่าวเสริมด้วยว่า ถ้าของเราดีจริง ไม่ต้องกลัว พลังปากต่อปากสำคัญ สมัยก่อนที่เริ่มเป็นเจ๊จงหมูทอดใหม่ๆ ไม่ได้มีโซเชียลมาช่วยเลยนะ ฉะนั้น จะทำสินค้าอะไรออกมา ต้องทำให้ดีจริง ดีทั้งกับตัวเองและดีสำหรับลูกค้า

หมูทอดเจ๊จง ถูก ดี และมีน้ำใจ

“ทุกวันนี้ คนเห็นแบรนด์เจ๊จง มักจะนึกถึงคำว่า ถูก ดี และมีน้ำใจ ซึ่งทั้ง 3 คำ ที่ว่ามานี้ เจ๊พยายามส่งต่อให้ลูกๆ ทำแบบนี้ ไม่ว่าจะไปเปิดที่ไหนก็แล้วแต่ คำว่า เจ๊จง ต้องเชื่อมโยงกับคำว่า ถูก ดี และมีน้ำใจ ต่อไป” เจ๊จง บอกหนักแน่นทิ้งท้าย