ยัน ไม่หยุดเคลื่อนไหว ถ้า พิธา ดึงดันนำ กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด

ยัน ไม่หยุดเคลื่อนไหว ถ้า พิธา ดึงดันนำ กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด

คุณประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ฝากข้อความถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยใช้หัวข้อว่า หนังสือถึง พิธา และความในใจของผม

โดยเนื้อหาในหนังสือ ระบุว่า ตนเคลื่อนไหวเรื่องกัญชามาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และตนไม่เคยเขียนถึงพรรคก้าวไกลก่อนเลยสักครั้ง ยกเว้นว่าพรรคพูดเรื่องกัญชากลับสู่ยาเสพติด เราเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจำเป็นต้องพูด

หลายคนบอกและเรียกร้องว่าให้หยุดก่อน ให้เขาทำเรื่องใหญ่ก่อน ประเด็นสำคัญคือ เรื่องกัญชาสำหรับตนมันใหญ่มาก ถ้ามันถูกเอาไปเป็นยาเสพติด มันคือการทำลายความมั่นคงทางยาที่ใช้กัญชารักษาเยียวยาความทุกข์ยากของผู้คน

ถ้าจะเรียกร้องตนให้หยุดพูดก่อนการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมประชาชนต้องหยุดพูดด้วย แต่ตนยืนยันหลักการเดิมว่าตนไม่พูดก่อน ตนจะพูดก็ต่อเมื่อฝ่ายการเมืองเคลื่อนไหว แต่ถ้าเห็นว่าฝ่ายการเมืองจะทำอะไรก็ได้ จังหวะนี้เราต้องหยุดก่อน มันใช่หลักการที่ถูกต้องหรือเปล่า

คุณประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย

คุณประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ตนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะชวนพรรคการเมืองกลับมากำหนดนโยบายที่ข้อเท็จจริง ตนไม่ใช่นักการเมืองที่จะตัดสินตามภาวะการเมือง ตนยืนยันหลักการ และพรรคการเมืองไม่ควรหวั่นไหวต่อการตั้งคำถามเพื่อหาข้อเท็จจริง พวกตนไม่ชุมนุมประท้วง จนกว่าจะมีการแต่งตั้ง รมต.สาธารณสุข สิ่งที่พวกตนทำคือสิ่งที่ปรากฏในหนังสือที่ส่งถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล นั่นคือชวนทุกพรรคมาร่วมกันกำหนดนโยบายที่ข้อเท็จจริง

“ถ้าทำเท่านี้เพื่อนพี่น้องผมที่เคยคบกันมาแล้วหาว่านี่คือการทำลายพรรคก้าวไกล เราสามารถเลิกคบกันได้ครับ เพราะผมเป็นบุคคลเช่นนี้และผมก็เสียเพื่อนจากภาวะเช่นนี้ตลอดมา จะเสียเพื่อนอีกสักรอบก็ไม่เป็นไร ผมรับปากได้อย่างเดียวว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการหาข้อยุติร่วมกันให้ได้กับพรรคการเมือง ด้วยการใช้ข้อเท็จจริงมาร่วมกันพิจารณา ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มีเบื้องหลัง จะอย่างไรคงคุยกันได้ แต่ถ้ามีประโยชน์เบื้องหลังก็ยากจะตกลงกัน” คุณประสิทธิ์ชัย กล่าว

และยังได้เสนอแนวทาง สำหรับการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของกัญชาในประเทศไทยไว้ 3 ขั้นตอน ได้แก่

ขั้นตอนที่ 1 คือ หัวใจสำคัญสุด กลับมาพิจารณาที่ข้อเท็จจริงของกัญชาอย่างรอบด้าน ปัญหาสำคัญที่สุดของกัญชาตอนนี้คือ ข้อมูลที่สาธารณชนรับรู้ห่างไกลจากข้อเท็จจริง เหตุเพราะพรรคการเมืองนำกัญชามาปั่นกันจนเลยเถิด โดยเฉพาะ 2 พรรคใหญ่ ที่ได้รับความนิยมสูง คำพูดของ 2 พรรคนี้ยิ่งตอกย้ำว่ากัญชาเลวร้าย

เครือข่ายกัญชา

หากเราไม่กลับมาสู่ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ไม่มีทางที่จะกำหนดกติกาที่มีประสิทธิภาพ และทุกเรื่องของประเทศนี้เวลาจะกำหนดนโยบายต้องกลับมาที่ข้อเท็จจริง ฉะนั้น ขั้นตอนแรกทุกภาคส่วนต้องกลับมาที่จุดพื้นฐานสำคัญที่สุดคือข้อเท็จจริง

ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์จากฐานข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแล้วมากำหนดว่า เราจะใช้เครื่องมือใดในการกำหนดกลไกที่มีประสิทธิภาพที่สุด เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เมื่อถึงขั้นนี้เราจะมองเห็นภาพร่วมกันว่า เครื่องมือแบบ พระราชบัญญัติ หรือ กฎหมายยาเสพติด

ขั้นตอนที่ 3 ต้องสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างกลไกเรื่องกัญชา และออกแบบกลไกร่วมกัน จนกลายเป็นกฎหมายที่ใช้กำกับและบริหารกัญชาของประเทศ

“หากเริ่มจาก 3 ขั้นตอนนี้ จะสง่างาม เป็นประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ควรเลือกวิธีการของประชาธิปไตย ไม่ใช่รวบรัดตัดตอน เอาไปสู่กฎหมายยาเสพติด ซึ่งเป็นกฎหมายที่จำกัดการใช้ จำกัดเสรีภาพ จำกัดการออกแบบกลไก กลับมาสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงเถอะครับ อย่าใช้วิถีการเมืองในการกำหนดนโยบายกัญชา เพราะมันจะผิดแล้วผิดอีก” เลขาธิการเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าว