พรุ่งนี้ เตรียมต้อนรับ ‘วันชานมไข่มุกแห่งชาติ’ เมนูสุดปังตลอดกาล

30 เมษายน วันชานมไข่มุกแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา นับว่าเป็นเมนูสุดปังตลอดกาลของเราชาวไทย วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ขอแนะนำปริมาณในการรับประทานให้เหมาะสม ไกลจากโรค และยังเอนจอยกับการดื่มได้

จุดเริ่มต้นวันชานมไข่มุกนั้น เริ่มมาจากร้าน Kungfu Tea ซึ่งเป็นร้านขายชานมไข่มุกเจ้าดังระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นผู้จุดประกายไอเดียกำหนดวันดังกล่าวขึ้นมา เพื่อให้เป็นวันชาติของคนรักชานมไข่มุก และสาเหตุที่เลือกเป็นวันที่ 30 เมษายนนั้น เนื่องจากเป็นวันก่อตั้งของทางร้านนั่นเอง

“ชานมไข่มุก” เครื่องดื่มยอดฮิต ติดเทรนด์เมนูนี้ หลายคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องดื่มหวานๆ กินแล้วชื่นใจ แถมยังมีไข่มุกให้เคี้ยวหนุบหนับ กินแล้วเพลินๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ประโยชน์ และโทษ ของชานมไข่มุกที่เรากินนั้นมีอะไรบ้าง?

ข้อมูลโภชนาการ พบว่า ชานมไข่มุก 1 แก้ว (16 ออนซ์) มีพลังงาน 300-500 กิโลแคลอรี (ขึ้นอยู่กับปริมาณระดับความหวาน) ชาไข่มุก ให้พลังงานค่อนข้างสูง โดยให้แคลอรีเทียบเท่ากับกินอาหารตามปกติ 1 มื้อเลยทีเดียว

ประโยชน์ของชา
การดื่มชาที่ไม่มีน้ำตาลอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะชาส่วนใหญ่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนโลหิต อาจช่วยเสริมสร้างให้มีสุขภาพดี กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและร่างกายให้มีประสิทธิภาพ ชาสามารถชะลอความชรา และบำรุงผิวพรรณได้

อย่างไรตาม แม้ว่าชาจะมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการอยู่บ้าง แต่ส่วนประกอบในเครื่องดื่มชานมไข่มุกที่มีการเติมส่วนผสมของ นมผง น้ำตาลทราย น้ำเชื่อม นมข้นหวาน ในปริมาณมากๆ ก็อาจทำให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ต่อร่างกายได้

การรับประทานชาเย็นไข่มุกบ่อย หรือครั้งละมากๆ จึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคต่างๆ ในระบบทางเดินโลหิตได้ ยิ่งเป็นน้ำปั่นชาไข่มุกที่มีการเติมครีมเทียมลงไป ซึ่งครีมเทียมส่วนมากผลิตจากไขมันปาล์ม ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจ และโรคต่างๆ ในระบบทางเดินโลหิตได้ นอกจากนี้ น้ำตาลในชานมไข่มุก อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากในเด็กที่อาจจะแปรงฟันยังไม่ค่อยดีพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาฟันผุและสุขภาพช่องปากตามมาได้อีกด้วย

ข้อแนะนำในการดื่มชาไข่มุก
– หากวันไหนที่ดื่มชานมไข่มุก ควรลดการบริโภคอาหารประเภทข้าว แป้ง และน้ำตาลชนิดอื่นๆ โดยลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งในมื้อหลัก
– ลดปริมาณน้ำตาลที่จะใส่ในชามุก หลีกเลี่ยงการเติมครีมเทียมลงในเครื่องดื่ม แล้วทดแทนโดยการเติมนมสดหรือนมพร่องมันเนยรสจืดแทน
– ควบคุมความถี่ในการดื่ม และไม่ควรดื่มชานมไข่มุกทุกวัน แต่ควรเป็นสัปดาห์ละ 1-2 แก้วเท่านั้น
– ควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันมีชานมไข่มุกทางเลือกเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสูตรหวานน้อย สูตรหญ้าหวาน สูตรไขมันต่ำ หรือไข่มุกจากบุก เป็นต้น เพียงแค่ลองปรับเปลี่ยนมาใช้ส่วนผสมที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ เชื่อว่าทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีๆ ที่มาพร้อมความสุขในการดื่มเครื่องดื่มคู่ใจอย่างชานมไข่มุกอย่างแน่นอน

ข้อมูลโดย คุณนฤมิตร บ้านคุ้ม นักโภชนาการ งานโภชนาการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ขอบคุณข้อมูลจาก MedCMU