4 ปัจจัยใหญ่ ทำต้นทุนผลิตน้ำพุ่ง ผู้ประกอบการ รับมืออย่างไร หาก ค่าน้ำ ปรับขึ้น?

4 ปัจจัยใหญ่ ทำต้นทุนผลิตน้ำพุ่ง ผู้ประกอบการ รับมืออย่างไร หาก ค่าน้ำ ปรับขึ้น?

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2566 เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ รายงานข่าว นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ปัจจุบัน กปน. ได้รับผลกระทบจากต้นทุนหลักการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ประกอบด้วย

1. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรัฐบาลเรียกเก็บที่ราชพัสดุ กปน. ต้องเสีย 150 ล้านต่อปี จากเดิมไม่ต้องเสีย

2. ค่าน้ำดิบจ่ายให้กับกรมชลประทานวันละ 3 ล้านบาท

3. ค่าไฟเพิ่มขึ้น 20-30% หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าเอฟทีของรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ปรับขึ้นกว่า 90 สตางค์

4. ค่าธรรมเนียมการวางท่อเป็น 100 ล้านบาทต่อปี

แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ กปน. จะตรึงค่าน้ำไว้ให้นานที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาลยังไม่ต้องการให้ขึ้นค่าน้ำ ขณะเดียวกัน พยายามบริหารจัดการต้นทุนทุกด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ไฟฟ้า โดยจ่ายน้ำตามความต้องการใช้ เป็นต้น

“ปัจจุบันกำลังพิจารณาอัตราค่าน้ำให้สอดรับต้นทุนเพิ่มขึ้น หลังไม่ได้ขึ้นค่าน้ำมา 23 ปี เพื่อบริหารสภาพคล่องด้านการเงิน เพราะใช้เงินลงทุนไป 42,000 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิตในโครงการ 9” นายมานิต กล่าว

ขณะที่ นายมงคล วัลยะเสวี รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า ตอนนี้ กปภ. อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่ ตามต้นทุนเพิ่มขึ้น 15-20% ทั้งจากค่าไฟ ค่าสารเคมี เพื่อขอขึ้นค่าน้ำ หลังไม่ได้ขึ้นมากว่า 10 ปี อีก 2 เดือนจะแล้วเสร็จ จากนั้นเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาว่าจะให้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป การปรับขึ้นค่าน้ำเคยขอกับกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่ไม่ได้รับอนุมัติ และขอให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแทน