วงการพระเครื่อง มุมมองเซียน เผย จีน ฮิตนับสิบล้าน ซื้อไปปล่อยเช่า-สะสม

วงการพระเครื่อง มุมมองเซียน เผย จีน ฮิตนับสิบล้าน ซื้อไปปล่อยเช่า-สะสม

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ไอคอนสยาม ชมรมพระเครื่องสุขสยาม โดย คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ อุ๊ กรุงสยาม ผู้บริหารชมรมฯ และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.uamulet.com จัดเสวนา มองอย่างเซียน “ทิศทางวงการพระเครื่องปี 66” โดยเชิญเซียนพระชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ คุณธนัท ชัยวชิรศักดิ์ คุณกฤษฎา ไทยสำราญ หรือ ต้อม นครสวรรค์

คุณซิยี่ เจสัน ชาวจีนที่ชื่นชอบสะสมพระเครื่อง และเปิดศูนย์พระเครื่องในไทย พูดในประเด็น “ทิศทางตลาดพระเครื่องไทยในประเทศจีน” โดยเชิญ คุณวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผู้ผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจสายมู สู่นโยบายพรรคการเมือง มาพูดในหัวข้อ “Soft Power พระเครื่อง” ด้วย

คุณวัชรพงศ์ กล่าวว่า ชมรมพระเครื่องสุขสยาม แม้จะเป็นชมรมเล็ก แต่จากความเปลี่ยนแปลงในวงการพระเครื่อง ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ก็สามารถเชื่อมสู่ระบบใหญ่ได้ และต่อไปจะมีการออกบัตรรับรอง (ใบเซอร์) พระเครื่องต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ ยังมีช่องทางการสื่อสาร สร้างการรับรู้ทางผลิตภัณฑ์ที่จะเจาะตลาดต่างประเทศ ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก หากมีการรักษามาตรฐาน และไม่มีการประโคมข่าวโจมตี

ด้านคุณธนัท กล่าวว่า ถ้าถามว่าจตุคามรามเทพ จะกลับมาหรือไม่นั้น ต้องบอกว่า โดยหลักเศรษฐกิจแล้วในปี 2549-2551 เป็นช่วงที่ องค์พ่อจตุคามได้รับความนิยมสูงที่สุด ทำให้มีการสร้างของใหม่ออกมามาก ส่งผลให้อุปสงค์อุปทานไม่เสถียร อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์โควิด ในขณะที่ทุกอย่างทั่วโลกหยุดชะงัก ราคาของอย่างอื่นตกหมด แต่พระเครื่องราคาขึ้นถึง 80%

และในส่วนขององค์พ่อจตุคาม ราคาขยับตั้งแต่ช่วงก่อนโควิดเล็กน้อยและขยับขึ้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีฐานเดิมที่ดี ทั้งนี้ ในปี 2550 เศรษฐกิจมวลรวมขององค์พ่อจตุคามสูงถึง 28,000 ล้าบาท และจากนี้ไปราคาจะไม่มีทางตกลง ถ้าไม่ได้สร้างออกมามากมายหรือมีการประโคมข่าวในแง่ร้ายเหมือนในอดีต

บรรยากาศ เสวนา มองอย่างเซียน ทิศทางวงการพระเเครื่อง ปี 66

ด้าน คุณซิยี่ นักธุรกิจจีน ให้ข้อมูลว่า โดยส่วนตัวสนใจสะสมพระเครื่องไทยมากว่า 15 ปีแล้ว และเป็นคนแรกที่เปิดร้านจำหน่ายพระเครื่องไทยที่มณฑลกุ้ยโจว จากนั้นได้เปิดร้านจำหน่ายพระเครื่องทั้งออนไลน์และมีหน้าร้านทั้งในประเทศไทยและจีนด้วย

“ขณะนี้คนจีนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน มีความสนใจในพระเครื่องไทย และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการซื้อขายผ่านช่องทาง แอปเถาเป่า และติ๊กต็อก ทำให้ผมมีรายได้จากการหาพระเครื่องไทย ไปให้คนจีนเช่าและสะสม อย่างน้อยเดือนละไม่ต่ำกว่า 7-10 ล้านบาท ส่วนตัวเริ่มต้นจากสนใจ แป๊ะโรงสี จ.ปทุมธานี เช่ามาราคาหลักล้านบาท แต่ตอนนี้มีคนจีนมาติดต่อขอเช่า ให้ราคาสูงถึงกว่า 10 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะปล่อย” คุณเจสัน กล่าว

ส่วน ต้อม นครสวรรค์ กล่าวว่า มีคนถามเยอะมากว่าพระสมเด็จราคาร้อยล้านจริงหรือไม่ ทั้งนี้ ก็ต้องดูว่า พระสมเด็จองค์นั้นสมควรแก่ราคาหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วราคาพระสมเด็จบางองค์สูง 150-300 ล้านบาท แต่เจ้าของไม่ขาย เพราะเป็นองค์ตำนานมีไม่เกิน 10 องค์ในประเทศไทย

พระเครื่อง เป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ โดยที่เราไม่ได้คิดไปเองว่าแพง หลายคนพร้อมจ่ายเงินเป็นร้อยล้านอีกหลายท่าน และเขารอว่าเขาชอบหรือเปล่า พระเป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานแสนนาน และราคาขึ้นมากกว่าราคาทอง และโดยส่วนตัวก็ภูมิใจกับคำว่าเซียนพระ

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผู้ผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจสายมู สู่นโยบายพรรคการเมือง มาพูดในหัวข้อ “Soft Power พระเครื่อง”

ด้านคุณวรวุฒิ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายเศรษฐกิจเฉดสี หาเงินเข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทในไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเศรษฐกิจสายมู คือ เศรษฐกิจเฉดสีขาว ที่จะให้งบประมาณพัฒนาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะถือว่าเป็นตัวที่เข้ามาช่วยหารายได้เข้าประเทศ

คุณวรวุฒิ กล่าวว่า เรื่องของสายมู คนรุ่นใหม่หรือบางคนอาจมองเป็นเรื่องงมงาย หรือไสยศาสตร์ แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก เพราะพระเครื่อง อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทำหน้าที่เป็นจิตแพทย์ ช่วยให้สังคมไม่เครียดมากและมีความหวัง บางครั้งอาจมีความย่ำแย่ หดหู่แต่เมื่อไปไหว้พระแล้วสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยบรรเทาจิตใจได้ นอกจากนี้ยังมองว่า วัตถุมงคลของไทย ยังสามารถถอดแบบพิมพ์ให้สวยงามกว่าก็ได้

แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ประเทศอื่นไม่สามารถทำได้เหมือนไทยคือ เรามีพระเกจิอาจารย์ ทำพิธีปลุกเสกทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ขลัง มีพุทธคุณด้านต่างๆ ซึ่งไม่มีประเทศใดสู้ได้และเป็นจุดแข็งที่จะเพิ่มมูลค่าพระเครื่องของไทย สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องบอกเรื่องราวได้ว่า พระแต่ละองค์มีประวัติและพุทธคุณแตกต่างกันอย่างไร

รวมทั้งเราจะมีการออกใบรับรองกำกับว่าเป็นของแท้ผ่านการปลุกเสก และต้องมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งถ้าหากยึดแนวทางนี้เชื่อว่าไม่เฉพาะประเทศจีนเท่านั้นที่จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของไทย แต่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียก็จะให้ความสนใจพระเครื่องของไทยเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าหากเราพัฒนาให้ดี ไทยก็จะเป็นผู้นำในการสร้างวัตถุมงคลของโลกได้อย่างแน่นอน

“โควิดเศรษฐกิจซบเซา เสียหายทั้งประเทศ แต่ปรากฏว่าที่ จ.นครศรีธรรมราช กลับมีเที่ยวบินวันละ 52 เที่ยวไปลง คนไปไหว้ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ซึ่งก็ไม่ทำให้เฉพาะวัดเท่านั้นที่มีรายได้ แต่ยังทำให้ พ่อค้าแม่ค้าบริเวณโดยรอบค้าขายอยู่ในบริเวณใกล้เคียงมีรายได้ 4-5 แสนบาทต่อเดือน ดังนั้น ความศรัทธาพาให้คนเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัด ซึ่งต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจสายมู เป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างแท้จริง” คุณวรวุฒิ กล่าว

และว่า เรื่องของวัตถุมงคล เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ต่างชาติไม่มี และไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เนื่องจากเรามีเกจิอาจารย์และพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งราคาคนละเรื่อง เพราะมีเรื่องราวและคอนเทนต์กำกับ เชื่อว่า จาก 10 ล้านคนจะขยายเป็น 100 ล้านคนได้แน่นอนไม่เกิน 2 ปี แต่ต้องทำสตอรี่เป็นภาษาจีน เพื่อพัฒนาวงการพระเครื่องได้อีกมหาศาล แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีมาตรฐานด้วยการออกใบรับรอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจว่าเป็นของแท้โดยอาจจะเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ที่มี