ศิริบัญชา คุณน่ะเป็นใคร ยืนระยะมากว่า 70 ปี ท่ามกลางแข่งขันรุนแรง

ศิริบัญชา คุณน่ะเป็นใคร ยืนระยะมากว่า 70 ปี ท่ามกลางแข่งขันรุนแรง

ตามที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้แข็งแกร่ง พร้อมผลักดันให้เข้มแข็งและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น

โดย บริษัท ศิริบัญชา จำกัด นับเป็น 1 ใน 6 เอสเอ็มอี ที่ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ใน 3 มิติ คือ การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า การบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ

คุณสรวิศร์ กิจเจริญโรจน์ ทายาท “ศิริบัญชา” รุ่นที่ 2

“ศิริบัญชา” คือ แบรนด์แอลกอฮอล์ฉลากสีเหลือง-แดง ที่คนไทยคุ้นเคยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ยาวนานกว่า 70 ปี ที่เติบโตด้วยการกระโจนเข้าตลาดก่อนใคร จากวิสัยทัศน์ของรุ่นพ่ออย่าง คุณบุญฤทธิ์ กิจเจริญโรจน์  ซึ่งเป็นเภสัชกร ที่เล็งเห็นโอกาสเติบโตของตลาดยาฆ่าเชื้อประเภทแอลกอฮอล์ เขาจึงซื้อกิจการต่อมาจาก นพ.กมล ลิขนจุล เมื่อราวปี พ.ศ. 2526

จากนั้นคุณบุญฤทธิ์ ได้นำธุรกิจที่ซื้อต่อมาพัฒนากระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับสร้าง “จุดต่าง” จากแอลกอฮอล์สมัยก่อนที่ไม่เคยมีสี ไม่มีแบรนด์ มาใส่ “สีฟ้า” และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อสื่อถึงความสะอาด เป็นเจ้าแรก กระทั่งทำให้เกิด “ภาพจำ” ของผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ในหมู่คนไทยได้ไปโดยปริยาย

และเมื่อล่วงมาถึงยุคของทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 คุณสรวิศร์ กิจเจริญโรจน์ ได้เข้ามาช่วยต่อยอดความแข็งแกร่งของแบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ การรักษาจุดยืนด้านคุณภาพสินค้า ให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ จึงทำให้เกิด Brand Trust ต่อลูกค้า

สินค้า ศิริบัญชา

ดังนั้น แม้ว่าจะมีคู่แข่งรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ในยุคที่แอลกอฮอล์ กลายเป็นของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ศิริบัญชา ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ในหลากหลายมิติ

ปัจจุบัน นอกจากศิริบัญชาจะมีแอลกอฮอล์ เป็น Hero Product แล้ว ยังมีการขยายไลน์สินค้าในกลุ่มเวชภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน แผนโบราณ รวมถึงกลุ่มสุขภาพและความงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลกที่จะสร้าง Growth Engine ใหม่ เข้ามาเสริมทัพธุรกิจ

และเร็วๆ นี้ มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มแม่และเด็ก รวมถึงกลุ่ม Silver Age อายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ให้ความสำคัญสุขภาพ อีกทั้งยังจะหันมาเจาะตลาดกลุ่ม B2C มากขึ้น และจะทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ Social Media ของบริษัทเองเพิ่มขึ้นด้วย