ผลวิจัยชี้ คน Gen Z ในไทย อยากใช้จ่ายน้อยลงในยุคหลังโควิด พบ 75% เลือกออมเงินเพื่ออนาคต

มินเทล ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค ได้วิจัยพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มคน Gen Z คือผู้ที่มีอายุ 10-25 ปี ในประเทศไทย พบว่า หลังเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เงินเฟ้อสูง ผู้บริโภคชาวไทยที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี มีความอยากใช้เงินลดลง

โดยประมาณ 3 ใน 4 คน หรือ 75% เลือกที่จะเก็บออมเพื่ออนาคตมากกว่าการใช้เงินไปกับการซื้อสิ่งของต่างๆ ปัจจุบันคนรุ่นใหม่คิดก่อนจ่ายเสมอ ประมาณ 4 ใน 5 คน หรือ 86% มักอ่านรีวิวสินค้าก่อนซื้อ อีกทั้ง ยังยินดีที่จะจ่ายเงินไปกับผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากถึง 53% ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองที่น่าเชื่อถือ 39% และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 36%

คน Gen Z มากกว่า 2 ใน 3 คน หรือ 38% จะตัดสินใจซื้อสินค้า ก็ต่อเมื่อสามารถตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นของแท้และน่าเชื่อถือ โดยการกระทำนี้เห็นได้ชัดในการจับจ่ายไปกับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคน Gen Z ใช้เงินกับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากที่สุด 65%

ขณะเดียวกัน คน Gen Z ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและประโยชน์ต่อสังคม และยังคาดหวังที่จะเห็นคุณค่าของตนเองสะท้อนออกมาจากแบรนด์ที่ตัวเองเลือกซื้อ โดยกว่า 76% ใช้ความพยายามมากกว่าเดิมในการรักษาสิ่งแวดล้อม

และประมาณ 25% คิดว่าการจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนนั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ส่วนการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงเป็นช่องทางที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ในประเทศไทยใช้งานบ่อยที่สุดถึง 65%

ดร.วิลาสิณี ศิริบูรณ์พิพัฒนา นักวิเคราะห์ไลฟ์สไตล์อาวุโส มินเทล รีพอร์ทส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้บริโภคอายุ 18-25 ปี มีจำนวนประมาณ 1 ใน 5 ของผู้บริโภคในประเทศไทยทั้งหมด เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นตัวแทนของอนาคต ดังนั้น แบรนด์จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการที่จะเข้าหาผู้บริโภคกลุ่มนี้ และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ตั้งแต่เนิ่นๆ

แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับคน Gen Z ได้โดยการใช้ช่องทางดิจิทัลในการเสนอข้อมูลอย่างแท้จริง โปร่งใส และสนับสนุนในสิ่งที่ผู้บริโภค Gen Z ให้ความสนใจมากที่สุด ที่สำคัญ แบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ช่วยลดความกังวลในการใช้เงิน เพิ่มคุณค่าให้กับการใช้จ่ายของผู้บริโภครุ่นใหม่ และช่วยให้คนกลุ่มนี้สามารถเก็บออมได้ดีมากขึ้นสำหรับอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ