สำเร็จเกินคาด! “กินเต็มอิ่ม” Knowledge Book Fair @มิวเซียมสยาม ร้านค้าขายดีทะลุเป้า เงินสะพัดกว่า 5 แสนบาท 

สำเร็จเกินคาด! “กินเต็มอิ่ม” Knowledge Book Fair @มิวเซียมสยาม ร้านค้าขายดีทะลุเป้า เงินสะพัดกว่า 5 แสนบาท 

แม้กิจกรรมดีๆ อย่างงาน “Knowledge Book  Fair เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2566 จะปิดฉากลงแล้ว แต่ภาพแห่งความสำเร็จและความประทับใจยังฉายให้เห็นชัดเจน

ทั้งในโซนหนังสือ และ “Food Zone” ที่ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ คัดสรร 18 ร้านอาหารชื่อดังหลากหลายสัญชาติ มาให้เหล่านักอ่านและบุคคลทั่วไปได้เลือกชิมแบบจุใจ จนสร้างกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด ด้วยการการันตีจากเสียงของผู้ประกอบการร้านค้าที่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดขายปังทะลุเป้าทั้ง 2 วัน

ตัวแทนแต่ละร้านจะว่าอย่างไร จะพูดถึงรายได้และลักษณะการจัดการงานเป็นแบบไหน เข้าไปดูบทสัมภาษณ์ของเหล่าผู้ประกอบการได้เลย

คุณนิ้ง-กนกอร ชุณหชัย เจ้าของร้านจินหลง สุกี้โบราณ ที่นำ “สุกี้โรล” มาขาย เผยว่า คาดหวังว่าการออกบูธครั้งนี้ต้องสนุกและได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แน่นอน เพราะเป็นการนำสุกี้โรลออกบูธครั้งแรก จากปกติมีแค่สุกี้แห้ง สุกี้น้ำ และชุดสุกี้โบราณ ส่วนการทำสุกี้โรลจะทำตามออร์เดอร์เท่านั้น

เมื่อนำมาขายก็เป็นไปตามที่หวัง ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบทาน เพราะเป็นเมนูเฮลตี้ อีกทั้งยังชอบไอเดียการทำ ตอนแรกไม่คิดว่าคนจะอุดหนุนมากมายขนาดนี้ ถือว่าเกินคาดมากๆ ของหมดก่อนเลิกงานทั้ง 2 วัน

วันแรกเตรียมของมา เกือบ 200 กล่อง มาถึงช่วง 11 โมง เริ่มขายจริงๆ ช่วงบ่ายโมง ขายหมดภายใน 5 ชั่วโมง รอบแรกขายหมดตั้งแต่ 4 โมงเย็น จึงเพิ่มของมาเติมอีกรอบ แต่ก็หมดอีกเช่นกัน

วันที่ 2 เตรียมมา 200 กว่ากล่อง เริ่มขายบ่าย 2 โมง ขายหมดตั้งแต่ 1 ทุ่ม เอาของมาเพิ่มจากเดิมแล้ว คิดว่าจะขายถึงงานเลิกช่วง 3 ทุ่ม แต่ปรากฏว่าขายดีมาก ของหมดก่อนเหมือนเดิม

หลังจบงานมีความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ขอบคุณทีมงานของเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เครือมติชน ที่ชวนไปออกบูธ นอกจากได้ประสบการณ์แล้วยังได้เพื่อนเพิ่ม และประทับใจการบริการเรื่องที่จอดรถ ที่สามารถลงของได้ใกล้ๆ บูธ และมีที่จอดรถที่สะดวกสบาย ใกล้กับจุดออกบูธ รวมถึง รปภ. ของมิวเซียมสยามยังคอยบริการหาที่จอด ช่วยโบกรถ และดูแลรถดีมากๆ

สุดท้ายนี้ รู้สึกดีใจและชื่นใจที่มีหลายๆ คนชอบสุกี้โรล ของจินหลง บางคนจำเราได้ตั้งแต่ตอนทำสุกี้โบราณ ก็มาอุดหนุน บางคนจะมาซื้อชุดสุกี้โบราณ แต่เราขายแค่สุกี้โรล เขาก็ลองซื้อสุกี้โรลไปทาน เพราะเชื่อมั่นในร้านเราว่าอร่อยแน่นอน ส่วนบางคนมาซื้อซ้ำ ทำให้รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นว่า การทำสุกี้โรลสามารถสร้างอาชีพได้ และมีกำลังใจไปออกบูธให้บ่อยขึ้น

คุณเนย-ภัทราพร โพธิ์เพียรทอง ร้านไต๋ไต๋ แกงกะหรี่ญี่ปุ่น กล่าวว่า การออกบูธครั้งนี้ถือว่าดีเกินคาดมากๆ เพราะปกติกลุ่มลูกค้าหลักของร้านอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนการออกบูธในกรุงเทพฯ เคยออกแค่ไม่กี่ครั้ง จึงไม่คาดหวังเรื่องยอดขายว่าจะได้ถึงหลักหมื่นบาท

แต่เมื่อมาขายจริงๆ วันแรกขายได้ถึง 13,000 บาท ส่วนวันที่ 2 ได้มากขึ้นราว 17,000 บาท รวม 2 วันใช้ข้าวสวยทั้งหมด 18 หม้อ ขนาดหม้อ 5 ลิตร น้ำแกงกะหรี่วันละ 4 หม้อใหญ่ ไข่ ใช้ไปถึง 6 แผง หมดเกลี้ยงจริงๆ และงานนี้ทางร้านลงทุนซื้อเครื่องหั่นผักไฟฟ้ามาใช้โดยเฉพาะ ก็ได้ทุนคืนทั้งหมดแล้ว

และการออกบูธครั้งนี้ ถือว่ามีเวลาได้นั่งพักแค่แป๊บเดียว เพราะที่เหลือคือยืนขายตั้งแต่ช่วงเย็นจรดค่ำ ปวดหลังแต่สนุกมาก คนมาซื้อเป็นร้อยๆ คิว ตกใจและดีใจ เนื่องจากเกินคาดจริงๆ และดีใจอีกอย่างคือ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เครือมติชน มาชวนไปออกบูธ นอกจากยอดขายที่ได้มา ร้านยังได้ลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังกลับมาซื้อซ้ำจำนวนมาก ขับรถมาจากจังหวัดสมุทรสาครไป-กลับทั้ง 2 วัน พอเห็นอย่างนี้แล้วหายเหนื่อย

คุณท็อป-กิตติศักดิ์ ไกรบำรุง เจ้าของร้านฮ่องเต้ กุยช่ายบางกรอบ เผยว่า บูธฮ่องเต้ กุยช่ายบางกรอบ มีกระแสตอบรับดีมาก มากกว่าที่คิดไว้ การันตีได้จากออร์เดอร์รวม 2 วัน 400 กว่าชุด หรือคิดเป็นรายได้เกือบ 30,000 บาท ซึ่งขายดีตั้งแต่วันแรก ถึงขนาดต้องเอากุยช่ายมาเติมอยู่หลายรอบ และถึงแม้จะเติมของแล้ว แต่ก็ยังขายหมดก่อนเวลาจบงานทั้ง 2 วัน

ส่วนฟีดแบ็กจากลูกค้าในเรื่องรสชาติก็ดีมากๆ เช่นกัน สังเกตได้จากการที่มีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และซื้อไปฝากคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเมนูของร้านมีความแปลกใหม่ จึงได้รับความสนใจมากมาย และมีลูกค้าติดใจมาถามถึงสถานที่ตั้งหน้าร้าน รวมทั้งขอนามบัตร งานนี้ช่วยให้ฮ่องเต้ กุยช่ายบางกรอบ ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 

คุณนัท-กษิดิ์เดช ชัยพฤกษยะนนท์ เจ้าของร้าน หมีกระป๋อง เล่าให้ฟังว่า เป็นการออกบูธครั้งแรกของปีนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี ต้องขอบคุณที่ทำให้ทุกคนรู้จักแบรนด์หมีกระป๋องมากขึ้น ด้วยบรรยากาศและกิจกรรมในงาน ทำให้มีความลงตัวหลายอย่าง รวมถึงกลุ่มลูกค้ามีทั้งแนวครอบครัว วัยรุ่น ชาวต่างชาติ และเด็กๆ ทำให้มีปัจจัยสนับสนุนเรื่องยอดขาย 

“ยอดขายดีมากๆ เตรียมสินค้ามาเท่าไหร่ ก็ไม่พอขาย บวกกับสินค้าเป็นเครื่องดื่มปั่นเย็นๆ ในงานเอาต์ดอร์ ทำให้ลูกค้าอยากทานน้ำเย็นๆ เตรียมมาเท่าไหร่ แต่ไม่พอ แต่มาขายจริงหมดไปถึง 400-500 แก้วต่อวัน”

ได้ยอดออร์เดอร์กว่า 400-500 แก้ว หรือวันละ 20,000 บาท ต้องสั่งน้ำแข็งจากโรงงานวันละหลายๆ รอบ จนเจ้าของโรงงานน้ำแข็งต้องส่งคนมาดูว่าร้านนี้ขายอะไร

คุณปอม-ณภัทร เทพวัชรานนท์ หนึ่งในพาร์ตเนอร์ของร้าน Eatory เผยว่า การออกบูธในงานหนังสือที่ผ่านมารายได้ทั้ง 2 วันนั้นเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก โดยวันแรกคาดการณ์การออกบูธผิดพลาด เนื่องจากตั้งราคาสินค้าสูงเกินไป และลักษณะผู้คนที่มาเดินในงานนั้นมีรูปแบบที่ต่างจากอีเวนต์ก่อนหน้าที่เคยไป ทำให้ต้องมองการตลาดใหม่เพื่อนำมาปรับใช้ในวันที่ 2 ซึ่งวันแรกรายได้ของยอดขายรวมทั้งหมดประมาณ 15,000 บาท

ส่วนวันต่อมา จากการสังเกตกลุ่มลูกค้าและปรับราคาการขายใหม่ลดลงมา 10% โดย พิซซ่าตกชิ้นละ 100 บาท ไก่ย่างซอส 5 ไม้ 100 บาท อีกทั้งเปิดให้สั่งพิซซ่ายกถาดกลับบ้าน ทำให้ยอดขายในวันที่ 2 อยู่ที่ 17,000-20,000 บาท ในวันสุดท้าย

คุณเบนซ์-ภาณุเดช บุญญิกา เจ้าของร้านกาแฟ Slow’s coffee เล่าว่า การออกบูธครั้งนี้เตรียมวัตถุดิบมาใช้สำหรับ 2 วัน แต่ของที่เตรียมมานั้นหมดตั้งแต่วันแรก โดยรวมการขายกาแฟใน 1 วัน อยู่ที่ 200-250 แก้วต่อวัน รายได้รวมเฉลี่ยอยู่ที่ 12,000-13,000 บาทต่อวัน

นอกจากนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมในงานหนังสือ และที่พิเศษคือเหล่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แวะเข้ามาชิมเมนูเครื่องดื่มเกือบทั้งร้าน โดยคุณเบนซ์ เล่าต่อว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวซื้ออยู่ 7-9 แก้ว อีกทั้งแลกเปลี่ยนชวนคุยเรื่องเครื่องทำกาแฟที่ใช้แรงคนเพื่อประหยัดพลังงานนั้นด้วย

และ คุณหมู-พรรณิภา ปัดตา เจ้าของร้าน charcuterie.bkk เล่าให้ฟังว่า การออกบูธในงานหนังสือครั้งนี้นับว่าเป็นการออกบูธครั้งแรก เนื่องจากวันแรกนั้นตนเปิดร้านช้า ทำให้ขณะกำลังตั้งร้านมีลูกค้าจำนวนมากมาต่อคิวรอซื้อชีสบอร์ดของเธอ

นอกจากนี้ คุณหมู เล่าต่อว่า ลูกค้าที่ชอบทานชีสบอร์ดบอกว่า สำหรับร้านชีสบอร์ดในการออกบูธนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน ถือเป็นร้านแรกในงานอีเวนต์แบบนี้ รวมทั้งลูกค้าหลายคนที่มาสั่งซื้อชีสบอร์ดชุดเล็กในราคา 99 บาท ก็กลับมาซื้อชุดใหญ่อีกครั้ง โดยรายได้ต่อวันของร้านชีสบอร์ดนั้นอยู่ที่ 8,000-9,000 บาท และยอดขายรวมต่อวันก็ได้ทุนคืนเกินเท่าตัว