ก๊าซหุงต้ม เตรียมขึ้นราคาอีก 15 บาท มี.ค.นี้ ขายปลีก ถังละ 423 บาท

ก๊าซหุงต้ม เตรียมขึ้นราคาอีก 15 บาท มี.ค.นี้ ขายปลีก ถังละ 423 บาท

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุม กบง. มีมติเห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีก ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มเดือน มี.ค. 2566 เพิ่มอีก 15 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มเดือน มี.ค. 2566 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก. ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2566

โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาแอลพีจีต่อไป

ดังนั้น ราคาขายปลีกแอลพีจีปัจจุบัน ยังคงอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก. ต่อไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ. 2566 เท่านั้น ตามราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นแอลพีจีที่ 19.9833 บาทต่อ กก. (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) อย่างไรก็ตาม กบง. ได้พิจารณาทบทวนแนวทางการกำหนดราคาแอลพีจี เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และยังคงต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาแอลพีจีของตลาดโลกยังคงผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจกดดันความต้องการใช้น้ำมันและแอลพีจีของโลก อีกทั้งตลาดยังคงจับตามาตรการต่างๆ ที่หลายประเทศทั่วโลกอาจออกมาควบคุมผู้เดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายหลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศ เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีความไม่แน่นอน

“กระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ราคาแอลพีจีอย่างใกล้ชิด พบว่า ราคาตลาดโลกปัจจุบันยังคงผันผวน โดย ณ วันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา ราคาแอลพีจีนำเข้าอยู่ที่ 698 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เทียบได้กับราคาขายปลีกแอลพีจีที่ประมาณ 450 บาทต่อถัง 15 กก. ขณะที่ราคาขายปลีกแอลพีจีในประเทศอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก. ส่งผลต่อสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของบัญชีแอลพีจีติดลบ 813 ล้านบาทต่อเดือน และฐานะกองทุนบัญชีแอลพีจีติดลบ 44,794 ล้านบาท เข้าใกล้กรอบวงเงินกองทุนในส่วนของบัญชีแอลพีจีที่ให้ติดลบได้ไม่เกิน 48,000 ล้านบาท” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว