ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เขียนอนาคต กัญชาไทย ชี้ ถ้าทำถูกที่ ถูกทาง สร้างรายได้ถ้วนหน้าแน่
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย ร่วมเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จัดสัมมนา ในหัวข้อ “เขียนอนาคตกัญชาไทยจากวิชาการและการปฏิบัติจริง” โดยเชิญวิทยากร ซึ่งเป็นนักวิชาการและนักปฏิบัติจริง มาฉายภาพทิศทางอนาคตกัญชาไทย โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
คุณสฤษดิ์ โชติช่วง และ คุณสนธยา แซ่โย้ หมอยาเกาะพะงันโมเดล จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันให้ข้อมูลว่า ได้นำจดหมายเรียกร้องของชาวเกาะพะงันกว่าร้อยฉบับ เพื่อเตรียมยื่นให้กับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขอให้มีการพิจารณา พ.ร.บ.กัญชาฯ ให้เสร็จทันในสมัยประชุมนี้
โดยทั้งสองยังได้นำเสนอ “เกาะพะงันโมเดล” ที่ใช้กัญชา เป็นวิถีสืบต่อกันอย่างยาวนาน ในการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมการท่องเที่ยว เกาะพะงัน มีนักท่องเที่ยวปีละนับล้านคน นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการรวมสายพันธุ์กัญชาเด่นทั่วประเทศ วิจัยต่อยอดปรุงยาเป็นสูตรตำรับของประเทศไทย เชื่อว่าจะสามารถสร้างเศรษฐกิจได้และมีความมั่นคงทางยา
โดย คุณสนธยา กล่าวว่า ในฐานะหมอยาที่ใช้กัญชารักษาคนไข้ให้หายนับหมื่นราย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จนเป็นแหล่งเรียนรู้ ตั้งแต่การปลูก การใช้ และการรักษาตัว อย่างครบวงจร เพราะกัญชาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และที่เราเหนือกว่าประเทศอื่น คือ เรื่องของภูมิปัญญา สามารถพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจ และหากจัดระบบการเก็บภาษี ก็จะมีรายได้เข้าสู่ท้องถิ่นได้
ด้าน คุณธนโชติ เธียรรุ่งโรจน์ ประธานวิสาหกิจฯ เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว กล่าวว่า ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนเหมือนถูกทอดทิ้ง ถูกลอยแพ เพราะไม่ได้หลอมรวมกันเติมเต็มความรู้ให้วิสาหกิจเดินต่อไปได้ ฉะนั้น ต้องสร้างกฎเกณฑ์ที่ดีให้ประชาชน ต้องปลูกได้ ใช้เป็น และชุมชนมีส่วนนร่วมเพื่อความมั่นคง ยั่งยืนในอนาคตที่จะเดินต่อไปได้
จึงอยากฝากนักวิจัย ช่วยไปวิจัยสายพันธุ์ในท้องถิ่น 1 คน 1 ต้น 1 งานวิจัย คนต้องมีความรู้ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะกัญชาแต่ละสายพันธุ์ จะให้ผลต่อสุขภาพต่างกัน การปลูกและการนำไปใช้ต้องฝึกอบรม เพื่อให้เข้าใจว่า กัญชา เป็นยารักษาโรค และเป็น “ทองคำเขียว” ของประเทศไทย
ด้าน คุณอัครเดช ฉากจินดา ผู้คลุกคลีวงการกัญชากว่า 20 ปี กล่าวว่า กัญชา ถือเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมากต่อปี โดยเฉพาะหลังมีการปลดล็อก นักท่องเที่ยวที่ถูกแบล็กลิสต์ เพราะมาใช้กัญชาที่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็กลับมา นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เป็นนักเที่ยวคุณภาพและมีกำลังจ่าย ปัจจุบันมีกว่าร้อยครอบครัว ที่มาใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.กระบี่ และมียอดจองที่พักยาวไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์
จะเห็นว่ากัญชา สามารถกระจายรายได้ขึ้นจริง การมีกิจกรรมกัญชา ถ้าทำถูกที่ถูกทาง มีพื้นที่ปลอดภัย ธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งร้านอาหาร ห้องพัก จะได้ประโยชน์กันหมด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากฎหมายจะผ่านหรือไม่ผ่านสภาในสมัยประชุมนี้ เราก็จะไม่หยุดและจะหาช่องทางในการต่อสู้กันต่อไป
ขณะที่ คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกรรมาธิการฯ จัดทำร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน มีการสร้างข่าวให้ร้ายกัญชา ที่ตกเป็นเหยื่อ คิดอะไรไม่ออก ให้กัญาชา เป็นแพะรับบาปไว้ก่อน ซึ่งเมื่อพอสืบต้นตอจะพบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“มีงานวิจัย การใช้กัญชาทางการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์ ซึ่งพบว่า กัญชาสามารถใช้ในการรักษาโรคได้หลายกลุ่มโรค และสามารถลดการใช้ยาแผนปัจจุบันกว่า 50% และยังมีหลักฐานระบุชัดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ว่า กัญชาเป็นของพ่อบ้าน-แม่บ้าน ที่ใช้ดูแลตัวเองได้” คุณปานเทพ กล่าว
และ ขอเรียกร้องให้ รัฐสภา ควรแสดงความจริงใจโดยการเพิ่มจำนวนวันพิจารณา พ.ร.บ.กัญชาฯ และขอให้ประชาชน ถอดรายชื่อ ส.ส. ที่ไม่ทำหน้าที่ผู้แทน ทำสภาล่มมาหลายครั้ง และสุดท้ายคือ พูดให้น้อยลงยกมือให้มากขึ้น
ด้าน คุณศุภชัย ใจสมุทร ประธานกมธ.ฯ จัดทำร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎร มีเป้าหมายให้ประชาชนได้ประโยชน์ และความปีติ ผู้ต้องขัง 7,000 คน ที่ปลูก และสูบ ติดคุก ได้รับการปลดปล่อยจากเรือนจำ และอีกนับหมื่นคดีถูกจำหน่ายหมด ถือเป็นกุศลครั้งใหญ่
“ใครที่จะเอากัญชา ไปเป็นยาเสพติด ข้ามศพผมไปก่อน เพราะมันเป็นการเมืองล้วนๆ กฎหมายเหลืออีก 80 มาตราพิจารณาวันเดียวก็เสร็จได้ เพราะเราพิจารณากันมาอย่างเข้มงวดแลว ไม่เห็นชอบไม่ว่า แต่อย่าทำให้มันช้าด้วยความแกล้งโง่ของ ส.ส. หลายคน” คุณศุภชัย กล่าว