จับตา ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ 2566 แนะเพิ่มมูลค่าแท้จริงโอทอป-เอสเอ็มอี

จับตา ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ 2566 แนะเพิ่มมูลค่าแท้จริงโอทอป-เอสเอ็มอี 

เมื่อเร็วๆนี้ กูรูเอสเอ็มอี อย่าง คุณวรวุฒิ อุ่นใจ กล่าวถึงปัจจัยลบในปี 2566 นับจากนี้ ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ โดยเฉพาะชาวเอสเอ็มอี ยังต้องจับตากระแสโลกที่เกิดขึ้นว่า จะส่งผลกระทบเกี่ยวข้องกับประเทศต่างๆที่เป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจอย่างไร

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังมีต่อเนื่อง แนวโน้มจากภาวะสงคราม ที่ยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางใด  ดังนั้น การหันกลับมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ทยอยฟื้นตัว นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจ นับตั้งแต่การซื้อสินค้าบริการจากนักท่องเที่ยวให้อยู่ในไทยเป็นระยะเวลานานขึ้น มีการใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น ผ่านการเพิ่มมูลค่าที่แท้จริงในกลุ่มสินค้าโอทอป เอสเอ็มอี ที่มีคุณภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม

ขณะเดียวกัน ก็ต้องเร่งสร้างให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงชอปปิ้งเหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ เพราะขณะนี้ มีข้อมูลพบว่า นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยในเมืองไทย  4 คน จะเท่ากับนักท่องเที่ยวที่ไปใช้จ่ายท่องเที่ยวในเกาหลีเพียง 1 คน ซึ่งยังแตกต่างกันอยู่มาก

“ประเทศไทยขณะนี้ เปรียบเหมือน คนกินบุญเก่าจาการสะสมของบรรพบุรุษ ซึ่งสามารถต่อยอดเชิงกิจกรรมผ่านเครื่องมือซอฟต์พาวเวอร์ ด้านต่างๆ ทั้งอาหาร วัฒนธรรม แอดเวนเจอร์ รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศความถี่ในการชอปปิ้งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งระบบเป็นลูกโซ่ ตั้งแต่ภาคการผลิตการเกษตร  ไปจนถึงค้าปลีก และ การบริการ ได้อย่างมาก”กูรู เอสอ็มอี ทิ้งท้ายอย่างนั้น