สุดยอดลูกสาว เปิดร้านเล้งแซ่บ ให้พ่อแม่ได้มีอาชีพสร้างรายได้

สุดยอดลูกสาว เปิดร้านเล้งแซ่บ ให้พ่อแม่ได้มีอาชีพสร้างรายได้ ครั้งหนึ่งเคยเกือบเจ๊ง แต่รอดได้ ด้วยสูตรบริหารการเงิน

การก้าวเข้าสู่สังเวียนธุรกิจร้านอาหารอาจไม่ใช่เรื่องยากเกินฝันในปัจจุบัน ด้วยโอกาสมากมายในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการมีตัวช่วยอย่างแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ ถือเป็นอีกช่องทางที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และส่งผลให้ร้านอาหารอยู่รอดได้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบาก ซึ่งไม่ว่าร้านอาหารจะเล็กหรือใหญ่ ระบบการเงินที่ดีและการมีเงินทุนสำรองถือเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง แม้จะต้องเจอกับสถานการณ์ ที่ท้าทายเข้ามาก็ตาม

เช่น ร้านอาหารขนาดเล็กอย่าง “เล้งหน่อย” ร้านเล้งรสเด็ดโซนบางซ่อน ที่ผ่านประสบการณ์ทั้งยุคเบ่งบานที่มีลูกค้าเข้าร้านไม่ขาดสาย จนถึงยุคที่เกือบจะต้องปิดกิจการเพราะวิกฤตโควิด-19
แต่ด้วยแนวคิดการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ร้านรอดวิกฤตมาได้และกำลังกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ความตั้งใจของลูก คือ สร้างธุรกิจให้พ่อแม่ทำ

คุณนันทาวลัย ปิญชาน์วรรณ หรือ นุ่น เจ้าของร้านเล้งหน่อย เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวความเป็นมา “เล้งหน่อย เกิดจากความตั้งใจของนุ่นที่อยากเปิดร้านอาหารให้พ่อและแม่ได้มีอาชีพสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่างานเดิมที่เขาเคยทำ คือขายของเก่าและเย็บผ้า

ประกอบกับทั้งพ่อและแม่ชอบทำอาหารมาก นุ่นเลยอยากให้พวกเขามีงานที่ได้ช่วยกันทำ 2 คนแบบไม่เหงาเวลาที่เราออกไปทำงานประจำ นุ่นทำงานเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ทำงานอยู่กับข้อมูล เลยได้นำประสบการณ์ตรงนี้มาปรับใช้กับธุรกิจครอบครัวด้วยการหาข้อมูลว่าคนไทยชอบกินเมนูไหนเป็นประจำบ้าง

สรุปว่า คือเมนูเล้ง เพราะเป็นเมนูที่สามารถทานได้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น เรา 3 คนเลยตกลงร่วมกันว่าจะเปิดร้านเล้ง โดยชื่อร้าน เล้งหน่อย ก็นำชื่อเล่นคุณแม่มาตั้งให้เป็นเอกลักษณ์ จนตอนนี้ร้านเราเปิดมาได้ 4 ปีกว่าแล้ว” 

รู้ว่ากลุ่มลูกค้าคือใคร แล้วจะไม่โฟกัสผิดจุด

ใครที่เคยแวะมาทานอาหารที่หน้าร้านเล้งหน่อยอาจรู้สึกแปลกใจในครั้งแรก เพราะตำแหน่งที่ตั้งร้านอยู่ใต้โครงการรีเจ้นท์ โฮม บางซ่อน ซึ่งเป็นที่พักอาศัยแบบคอนโดฯ ขนาดใหญ่หลายยูนิต ทำให้เมื่อมองจากภายนอกอาจไม่รู้ว่ามีร้านอาหารรสเด็ดซ่อนตัวอยู่ในนี้

“ร้านเล้งหน่อย เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับช่วงเวลาที่โครงการนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ เพราะทั้งครอบครัวเราพักอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เห็นว่าใต้คอนโดฯ มีพื้นที่ให้เช่าสำหรับค้าขาย นุ่นก็ไม่รอช้าที่จะติดต่อขอเช่าที่เพื่อเปิดร้านขายอาหาร

ด้วยข้อดีที่เรามองเห็นในตอนนั้นคือโครงการนี้มีจำนวนยูนิตสูงถึง 4,000 ยูนิต ถ้าคิดแบบง่ายๆ แค่มีคนอยู่ 1 คนต่อ 1 ยูนิต เท่ากับว่าเรามีโอกาสขายอาหารให้คนได้ถึง 4,000 คน เราเลยโฟกัสกับการขายอาหารให้กับคนในโครงการโดยเฉพาะ

ซึ่งช่วงเเรกที่เปิดร้านเราขายดีมาก ด้วยคอนเซ็ปต์การตั้งราคาแบบถือเงินมา 100 บาทก็มีทอนกลับบ้าน บวกกับบริเวณรอบๆ ในตอนนั้นไม่มีร้านเล้งเปิดเป็นคู่เเข่ง ทำให้เราเป็นเป้าหมายของลูกค้าที่อยากซื้ออาหารปรุงสดที่สามารถกินได้คนเดียวและแบบครอบครัว จุดนี้นุ่นมองว่าถ้าเรารู้ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร เราจะสามารถเข้าถึงความต้องการของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น” คุณนุ่น เล่าให้ฟัง

แค่เปิดใจ โอกาสใหม่ๆ ก็จะเข้ามา

เส้นทางธุรกิจของร้านเล้งหน่อยดูจะไปได้สวย เพราะเลือกโฟกัสกลุ่มลูกค้าได้ถูกจุด บวกกับรสชาติของเล้งเนื้อนุ่มที่ต้มจนเปื่อย เคี่ยวกับน้ำซุปกระดูกหมูแสนอร่อยซดคล่องคอที่ได้ความแซ่บของพริกสดและน้ำมะนาวคุณภาพดี ทำให้เมนูเล้งของร้านนี้เป็นเมนูชูโรงให้ลูกค้ากลับมากินซ้ำอย่างต่อเนื่อง

และการเปิดเมนูใหม่ๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวเล้งเเซ่บ กุ้งแช่น้ำปลา หอยนางรมทรงเครื่อง เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำ แต่เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ร้านต้องเดินมาถึงทางแยกว่าจะสู้ต่อ หรือยอมถอย

เจ้าของร้านสาวแชร์ให้ฟังว่า “ช่วงที่โควิดเข้ามาในไทยมันเหมือนเราเดินอยู่ดีๆ ก็ถูกฟ้าผ่าลงมาตรงหน้า จากเดิมเคยขายกระดูกหมูได้วันละเกือบ 70 กิโลกรัมก็ลดลงไปเกินครึ่ง เพราะต้องปิดให้บริการหน้าร้าน ลูกค้าจึงไม่สามารถนั่งทานที่ร้านได้

จากเดิมไม่เคยคิดเข้าร่วมฟู้ดดีลิเวอรี่มาก่อน ก็ต้องเปลี่ยนแผนการขายใหม่ เริ่มจากเปิดใจเข้าร่วมแกร็บฟู้ดก่อนเลยอันดับแรก ยอดขายถึงเริ่มกลับมาดีขึ้น แต่เราก็ยังต้องการเงินทุนมาหมุนเพื่อให้ร้านไปต่อได้ จังหวะดีที่แกร็บเสนอสินเชื่อสำหรับพาร์ตเนอร์ร้านอาหารมาให้ที่ยอด 90,000 บาท

ยอมรับว่าช่วงเเรกเรายังไม่ตัดสินใจขอกู้ เพราะเกิดมานุ่นยังไม่เคยกู้เงินที่ไหนมาก่อนเลย แต่เพราะเราต้องทำให้ร้านที่เป็นเหมือนความฝันของพ่อกับแม่ยังไปต่อได้ในขณะที่หลายธุรกิจกำลังล้ม นุ่นเลยตัดสินใจกู้มาก่อน 50,000 บาท ถือเป็นเงินกู้ก้อนแรกในชีวิตและถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีเพราะเราได้นำเงินก้อนนั้นมาใช้กับร้านทั้งหมด”

รู้(เงิน)เขา รู้(เงิน)เรา 

แม้จะเจอกับวิกฤตใหญ่ แต่ร้านเล้งหน่อยก็เปลี่ยนให้เป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ผ่านแกร็บฟู้ด จนทำให้กลายเป็นรายได้หลักอีก 50% ของร้านจนถึงปัจจุบัน และเมื่อลองเปิดใจขอสินเชื่อเงินกู้จากแกร็บก้อนแรกจนทำให้ร้านผ่านวิกฤตหนักๆ มาได้ คุณนุ่นได้ลองขอสินเชื่อเป็นครั้งที่ 2 ด้วยยอดเงิน 45,000 บาท เพื่อนำมาซื้ออุปกรณ์ทำอาหารใหม่และตกแต่งร้านในช่วงที่สามารถเปิดหน้าร้านได้แล้ว 

“สุดท้ายแล้ว นุ่นมองว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร มันมีโอกาสที่สักวันหนึ่งเราต้องเจอกับอุปสรรคเข้ามาทดสอบเราแน่ๆ แต่การจะก้าวผ่านอุปสรรคนั้นๆ ไปได้ เราต้องมี Mindset ว่าเราจะมีโอกาสดีๆ ตามมาเสมอทุกครั้งที่เราเลือกทางเดินต่อ

นุ่นอยากฝากให้กำลังใจเจ้าของร้านอาหารทุกคนและอยากบอกว่า ถ้าเราค้นหาจุดขายของร้านเจอและเปิดใจลองใช้ตัวช่วยใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ หรือการนำสินเชื่อมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจ เราก็จะยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในโลกธุรกิจ ที่ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด” คุณนุ่น กล่าวทิ้งท้าย ด้วยรอยยิ้มแห่งความมุ่งมั่น