เจนวาย หนี้พุ่ง! แถมจ่ายไม่ไหว ก่อหนี้เสียในระบบ 1.18 แสนล้านบาท

เจนวาย หนี้พุ่ง! แถมจ่ายไม่ไหว ก่อหนี้เสียในระบบ 1.18 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) หรือ เครดิตบูโร เปิดเผย ประเด็นตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนไทยปัจจุบันอยู่ที่ 14.7 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 88% ของจีดีพี (16.7 ล้านล้านบาท)

ปัจจุบันพบว่า หนี้ครัวเรือนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบุคคล (พีโลน) สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน รวมถึงบัตรเครดิต ผู้บริโภคกลุ่มเจนวาย คือกลุ่มที่เป็นฐานลูกค้าใหญ่ ขณะเดียวกัน ก็เป็นกลุ่มที่มีปัญหาในการชำระหนี้มากที่สุด และมีแนวโน้มหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของจำนวนบัญชีและวงเงินหนี้

และจากข้อมูลพบว่า ขณะนี้ปัญหาหนี้เสียของกลุ่มเจนวายเริ่มก่อตัวมากขึ้นในสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นการก่อหนี้เพื่อการบริโภค และกำลังเห็นสัญญาณว่าปัญหาจะลามไปที่สินเชื่อรถ และสินเชื่อบ้านเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้รายได้ลดลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจนวายคือกลุ่มมนุษย์แรงงานที่จะมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ถ้ากลุ่มนี้กลายเป็นหนี้เสียก็จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น

“กลุ่มลูกหนี้เจนวายเป็นกลุ่มที่มีการก่อหนี้ตลอดเวลา และมีการก่อหนี้สะสมมาโดยตลอด และภายหลังจากเกิดปัญหาโควิด-19 ทำให้เกิด Income Shock ทำให้มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ต่างๆ ที่ก่อไว้ได้ ส่งผลให้ตัวเลขหนี้เสียของกลุ่มเจนวายเพิ่มขึ้นชัดเจน”

นายสุรพล กล่าวอีกว่า ประเภทสินเชื่อที่น่าเป็นกังวลมากที่สุดก็คือ “สินเชื่อส่วนบุคคล” ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท ณ ไตรมาส 3/65 ตัวเลขเอ็นพีแอลอยู่ที่ราว 10.3% และตัวเลขที่กำลังจะเสีย (SM) อีก 2.9% รวม 2 ตัวนี้จะเพิ่มเป็น 13.2% ซึ่งถือเป็นระดับที่สูง และผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะสร้างปัญหาในอนาคตคือบริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” (Buy Now Pay Later)

ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้บริการออกมาโปรโมตการทำตลาด เพราะดอกเบี้ยจูงใจผู้ประกอบการ 25% ต่อปี สูงกว่าบัตรเครดิตที่อยู่ 16% ต่อปี ทำให้หลายบริษัทให้ความสนใจทำธุรกิจนี้ ซึ่งยิ่งเป็นการกระตุ้นการก่อหนี้เพื่อการบริโภค จับจ่ายซื้อสินค้าไม่จำเป็นมากยิ่งขึ้น

“หากดูในต่างประเทศ มีรายงานออกมาว่า ถ้าจะเปิดให้สินเชื่อในลักษณะนี้จะต้องควบคุมให้ดี เพราะขณะนี้บริการประเภท Buy Now Pay Later กำลังเป็นปัญหาหนี้เสียสูงมาก แต่ประเทศไทยกำลังโปรโมต ซึ่งปัญหาของโปรดักต์นี้คือดอกเบี้ย หากเพดานดอกเบี้ย 15% ต่อปี ก็ถือว่าช่วยกลุ่มคนไม่มีสภาพคล่อง แต่ตอนนี้ใช้อัตราดอกเบี้ยส่วนบุคคลสูงถึง 25% ต่อปี”

กลุ่มเจนวาย มีปัญหาการจ่ายหนี้ไม่ไหวกลายเป็นเอ็นพีแอลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้กลุ่มเจนวายกลายเป็นหนี้เสียสินเชื่อพีโลน 2.98 ล้านบัญชี (มูลหนี้ 1.18 แสนล้านบาท)

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ