พิษโควิด ไกด์สาว ตกงานนับปี แต่ในความอ่อนล้า ก็ยังมี…แสงสว่าง

พิษโควิด ไกด์สาว ตกงานนับปี แต่ในความอ่อนล้า ก็ยังมี…แสงสว่าง

ทุกความท้าทายของชีวิต จะผลักให้เจอกับทางออกที่เราเป็นคนเลือก และไม่ว่าจะต้องเลือกอะไรสักกี่ครั้ง ทุกคนก็จะมีสัญชาตญาณหนึ่งที่เหมือนถูกจับมือให้เลือกในสิ่งที่เราอยากเลือกมากที่สุด หรือคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ใช่มากที่สุด เช่นเดียวกับศิษย์เก่าคนนี้

เธอพลิกวิกฤตช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ลงมือทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่เธอก็ตัดสินใจเลือกทำสิ่งนั้นด้วยเหตุผลที่ว่าน่าจะมีโอกาสเป็นรูปเป็นร่าง เป็นงานขึ้นมาได้ด้วยพื้นฐานด้านภาษาที่มีอยู่ นำมันมาใช้ ปลุกพรแสวง

คุณพลอย-สมฤทัย นุชกูล ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาจีน วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปัจจุบันเป็นเจ้าของกระเป๋าแบรนด์ Ruyi ธุรกิจร่วม ที่เธอลงมือทำในช่วงสถานการณ์ COVID-19

“เรียนจบด้านนาฏศิลป์มา เมื่อต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ก็ตัดสินใจเปลี่ยนสายการเรียน จึงเลือกเรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ด้วยเหตุผลง่ายๆ เลยว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาพื้นฐาน สามารถทำงานได้หลายอาชีพ น่าจะหางานได้ง่ายด้วย” คุณพลอย ย้อนให้ฟังอย่างนั้น

คุณพลอย-สมฤทัย นุชกูล เจ้าของเรื่องราว

ก่อนเล่าต่อ ตอนที่มาสมัครได้พบกับอาจารย์ที่คอยให้คำปรึกษากับนักเรียน อาจารย์ถามว่า พลอยมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมากน้อยแค่ไหน ก็ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจเลยค่ะ ว่าไม่มีพื้นฐานเลย เพราะเรียนชั้นมัธยมด้านนาฏศิลป์ เน้นเรื่องปฏิบัติ เรียนรำ มากกว่า วิชาสามัญทั่วไปจึงไม่ค่อยแข็งเท่าคนอื่น

อาจารย์เลยหยั่งเชิงมา ในเมื่อคิดจะเริ่มต้นเรียนใหม่แล้ว ทำไมไม่ลองภาษาจีนดู ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่คนมากมายเข้าถึง ดังนั้น หากเลือกเรียนภาษาอื่นๆ จาก Everybody เราจะกลายเป็น Somebody ได้ พอได้ยินคำนี้ปุ๊บ รู้สึก Touch ใจมากๆ จึงลองดูแผนการเรียนของภาษาจีนด้วย สิ่งที่ทำให้ไม่ลังเล ก็คือ แผนการเรียนแบบ 2+3 และ 3+1 ที่เราสามารถเลือกไปเรียนที่จีนได้ด้วย ก็เลยสมัครสาขาวิชาภาษาจีนเลย

สำหรับเส้นทางของนักภาษาที่หลายๆ คนมักบอกว่า ทำงานได้หลากหลาย สำหรับคุณพลอย ค่อนข้างหลากหลายจริงเช่นกัน หลังจากเรียนจบปริญญาตรี คุณพลอยเริ่มทำงานเป็นลูกจ้างโครงการของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง

ผลงานคุณพลอย

“ทำงานเป็นลูกจ้างในโครงการของหน่วยงานอีกทีค่ะ ทำอยู่ประมาณ 3 ปีถ้วน ด้วยเนื้องานเป็นเรื่องของเอกสาร ที่สำคัญไปกว่านั้น ไม่ได้ใช้ภาษาจีน จึงทำให้รู้สึกว่าอยากก้าวออกจากตรงนี้ ตอนนั้นคือไม่อยากตื่นไปทำงาน อยากทำอะไรที่เปิดกว้างมากกว่านี้ เพื่อนจึงชวนไปทำงานที่ภูเก็ต เป็นไกด์ค่ะ

กระทั่งตัดสินใจสอบบัตรมัคคุเทศก์ และปักหลักอยู่ที่ภูเก็ต เป็นไกด์อิสระ รับทัวร์คนจีน ตอนนั้นต้องตั้งใจคุยกับแม่ ว่าไม่อยากทำงานราชการ และจะขอไปทำงานไกลบ้าน แม่ก็ถามหาความมั่นใจก่อนว่า จะต้องไปอยู่นอกบ้าน แน่ใจแล้วหรือ ใจลึกๆ ก็กังวล แต่จะปล่อยให้ความกลัว มาหยุดเราไม่ได้ ต้องกล้าที่จะก้าวออกจากเซฟโซนตรงนี้

และแล้ว ก็เกิดโรคระบาดของ COVID-19 รัฐบาลประกาศยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้คุณพลอย     ตกงานอยู่ประมาณ 1 ปีเต็ม แต่ในความอ่อนล้าก็ยังมีแสงสว่าง มีน้องสาวมาชวนทำธุรกิจร่วมกัน ดีลของจากประเทศจีนมาขาย จึงได้เวลานั่งคุยกับตัวเองอีกครั้ง อยากขายอะไร ชอบอะไร

“ยังมีความรู้ภาษาจีนอยู่ ก็สรุปกันว่าจะทำกระเป๋าขาย จึงมองหาโรงงานที่ประเทศจีน จนได้เจอโรงงานที่ใช้วัสดุชั้นดีมีคุณภาพ เราออกแบบกระเป๋า และส่งให้ทางจีนผลิตเพื่อเอากลับมาขาย ทุกกระบวน คือ ความเป็นตัวของเราเอง เพราะไอเดีย และเทสต์ในการออกแบบ เลือกสี เลือกวัสดุ ตลอดจนการนำสินค้าเข้ามา ต้องทำเองกันหมดเลยค่ะ” คุณพลอย เล่า

กระเป๋าน่าใช้

และว่า ความสำเร็จของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน สำหรับคุณพลอยแล้ว คือการได้เห็นลูกค้าใช้กระเป๋าแบรนด์ของเธอ ทั้งที่ไม่ใช่แบรนด์ดังอะไรเลย แต่การได้เห็นความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้ เธอเรียกมันว่า ความสำเร็จ

สำหรับความท้าทายของการทำแบรนด์ตรงนี้ คุณพลอย บอกว่า คือ ลูกค้าใช้แล้วเขาชอบไหม เวลาที่ลูกค้ารีวิวสินค้ากลับมา ว่าใช้แล้วนะ ถ่ายรูปมาให้แม่ค้าดู ทำให้อยากตื่นขึ้นมาตอบแชต อยากขายของ สนุก แต่ในสิ่งราบรื่นใดๆ ก็ตามนั้น ทุกงานก็จะต้องมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น

“ปัญหาที่เจอบ่อย คือ การออกแบบโปสเตอร์ขายสินค้า เพราะทักษะด้านการออกแบบเรามีน้อยนิด ทำให้ทุกครั้งที่ฟุ้งไปว่าอยากพีอาร์แบบนี้ อยากออกแบบอย่างนี้ จับนั่นแต่งนี่มา มันไปคนละทางเลย เลยต้องจ้างคนที่เขาถนัดมาช่วยออกแบบ มันยากมากๆ ที่จะออกแบบงานมาแล้วคนเห็นโปสเตอร์ปุ๊บ เขาสะดุดตา เห็นแล้วอยากออร์เดอร์เลย ฉะนั้น ต้องพึ่งคนที่มีเซนส์และทักษะด้านการออกแบบมาช่วย” คุณพลอย บอกอย่างนั้น

ก่อนจาก คุณพลอย ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ทุกคนสามารถค้นหาตัวเองได้ทั้งชีวิตเลย แต่ละช่วงอายุเราต่างก็จะได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ สิ่งที่ชอบก็จะเปลี่ยนไป สิ่งที่ไม่ชอบก็ยังเปลี่ยนไป เมื่อยิ่งเติบโตขึ้นความชัดเจนก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ ตัวเราเองก็จะเค้นคำตอบออกมาได้เอง และก็จะไปได้สุดในแบบของเรา