เปิดกลยุทธ์ ต้นทุนวัตถุดิบสูง แต่ละภาคธุรกิจ ควรรับมืออย่างไร?

เปิดกลยุทธ์ ต้นทุนวัตถุดิบสูง แต่ละภาคธุรกิจ ควรรับมืออย่างไร?

ในสถานการณ์ปัจจุบัน เอสเอ็มอีต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแบบไม่สมดุล finbiz by ttb จึงขอนำเสนอข้อมูลและแนวทางจาก ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics

เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้เห็นทิศทางการฟื้นตัว พร้อมทั้งกลยุทธ์ในการรักษาตลาดเดิมให้คงไว้ และบุกการเปิดตลาดใหม่เพิ่มรายได้ โดยยังสามารถควบคุมต้นทุนให้ทำกำไรได้ต่อไป และก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างราบรื่น

โดยจะแบ่งภาคธุรกิจเป็น 3 ภาค ได้แก่ ภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคการบริการ และเทียบการฟื้นตัวกับช่วงเวลาก่อนโควิด-19 หรือในช่วงปลายปี 2019 โดยในช่วงปลายปี 2019 เป็น 100%

ข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics พบว่า ภาคการผลิตฟื้นตัวใกล้ระดับเดิมที่ 99% จากนโยบายผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด การเปิดประเทศ รวมถึงภาคการส่งออกที่กลับมาเติบโตได้ต่อเนื่อง และมีทิศทางการเติบโตในปี 2022 เพิ่มขึ้น 4-6% ในขณะที่มีโครงสร้างต้นทุนจากวัตถุดิบ 82% และ ค่าดำเนินการ 7%

ภาคการค้าปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศแตะระดับ 95% และมีทิศทางการเติบโตในปี 2022 เพิ่มขึ้น 5-8% ในขณะที่มีโครงสร้างต้นทุนจากวัตถุดิบ 76% และ ค่าดำเนินการ 13%

ภาคการบริการฟื้นตัวที่ระดับ 70% เทียบก่อนโควิด และมีทิศทางการเติบโตในปี 2022 เพิ่มขึ้น 5-10% ในขณะที่มีโครงสร้างต้นทุนจากวัตถุดิบ 70% และ ค่าดำเนินการ 18%

ทั้งนี้ ปี 2022 มีปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง วัตถุดิบการเกษตร ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักกับผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยลงไปที่มีความเข้มแข็งทางการเงินต่ำ ให้เร่งปรับตัวเพื่อรับมือสถานการณ์

ดังนั้น ด้วยทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและโครงสร้างต้นทุนที่ไม่เหมือนกันในแต่ละประเภทธุรกิจ กลยุทธ์ที่นำมาใช้จึงต่างกันไปตามการฟื้นตัวและของธรรมชาติของธุรกิจเพื่อช่วยให้ก้าวผ่านสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ได้อย่างเหมาะสม

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ได้แนะกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละภาคธุรกิจ ดังนี้

ภาคการผลิต มีแนวโน้มกลับมาเติบโตต่อเนื่อง โดยมีโครงสร้างต้นทุนส่วนใหญ่เป็นด้านวัตถุดิบ จึงควรปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มช่องทางขายบน Platform Online เพิ่มจุดผลิต จุดกระจายสินค้าเพื่อครอบคลุมพื้นที่ขายให้เพิ่มมากขึ้น หรือเพิ่มช่องทางตลาดใหม่ๆ

ส่วนระยะต่อไป ควรให้ความสำคัญด้านต้นทุนมากขึ้น โดยปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริหารจัดการการผลิตให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ภาคการค้า ที่มีทิศทางการฟื้นตัวชัดเจนและเติบโตต่อเนื่อง แต่ด้วยโครงสร้างต้นทุนดำเนินงานมีสัดส่วนสูงกว่าภาคการผลิต ภาคการค้าจึงสามารถเน้นลดต้นทุนในส่วนดำเนินงานได้ง่ายกว่า เช่น ลดการทำงานซ้ำซ้อน คุมสต๊อกสินค้าให้มีปริมาณเหมาะสมเพื่อลดการสูญเสียหรือล้าสมัย รวมถึงใช้บริการพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ

เช่น บริการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุนค่าแรงและค่าพลังงานได้บางส่วน พร้อมกับการเพิ่มช่องทางรายได้จากการขายเพิ่มเติม ด้วยการพึ่งพากำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัว และอาจหาช่องทางรายได้ใหม่ จากตลาดที่เปิดกว้างบนพื้นที่ Online ที่ต้นทุนต่ำกว่าการขายหน้าร้าน

ภาคการบริการ แนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นด้วยกำลังซื้อในประเทศ ในขณะที่กำลังซื้อต่างชาติมีโอกาสหลังเปิดประเทศมากขึ้น โดยกลุ่มภาคการบริการ ควรให้ความสำคัญกับการลดต้นทุน โดยเฉพาะด้านการดำเนินงาน เนื่องจากมีสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่นๆ

โดยเริ่มจากการลดหรือรวมกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อน เพื่อลดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับกิจการ การเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจจากการเพิ่มทักษะฝีมือ รวมถึงใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนบางส่วน และในระยะถัดไปเมื่อพบสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น

ธุรกิจควรเร่งด้านช่องทางรายได้เพิ่มเติมโดยการหาเครือข่ายพันธมิตรเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า หรือเพิ่มรูปแบบงานบริการที่ใกล้เคียงกับธุรกิจเดิมเป็นฐานรายได้ใหม่ เพื่อรักษาพื้นที่กำไรเพิ่มในระยะถัดไป

จากทิศทางต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มการฟื้นตัวที่แตกต่างกันในแต่ละภาคธุรกิจ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ SMEs สามารถกำหนดกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของตนเอง เพื่อที่จะได้บริหารต้นทุนและจัดการช่องทางการตลาด เพื่อนำไปสู่ผลประกอบการที่ยังดำเนินต่อไปได้