เผยแพร่ |
---|
อาหารโบราณ อย่าง ช่อม่วง หมี่กรอบ รักษาไว้เป็นมรดก ตลาดชุมชนยั่งยืน
การเรียนการสอนด้านบริหารธุรกิจ ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้น ไม่เพียงแค่สอนความสำคัญของพื้นฐานทางทฤษฎี แต่ยังเน้นที่ความเกี่ยวข้องและแนวปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ ด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อเร็วๆ นี้ ผศ.ดร.ยุพิน ภัทรพงศ์สันต์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาด สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ ได้นำคณะลงพื้นที่ในชุมชนวัดเศวตฉัตรและชุมชนหลวงพ่อโบสถ์บน แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยา ผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนดังกล่าวนี้ ยังคงสืบทอดศิลปวัฒนธรรมการแสดง กระตั้วแทงเสือ ที่สืบทอดกันมาแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ วิถีชุมชนที่ว่านี้ยังคงสืบสานประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งมีความแตกต่างจากฝั่งพระนคร รวมทั้ง อาหารการกินที่สืบทอดมาแต่โบราณ เช่น ช่อม่วง ขนมจีบไทย ข้าวตังหน้าตั้ง หมี่กรอบ ข้าวตอกตั้ง ส้มฉุน ขนมเบื้องโบราณ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ หากมีการรักษาไว้เป็นมรดกตกทอดอย่างถูกต้อง จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ชุมชนของนิสิต MBA ศศินทร์ เกิดการเรียนรู้ เปิดประสบการณ์ ให้เห็นถึงความสำคัญ และคุณค่าของฐานรากดั้งเดิมของชุมชนโบราณของไทย ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับมุมมอง วิสัยทัศน์ ในการเป็นนักธุรกิจ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการที่มีอยู่แล้ว และยังสร้างจุดที่เป็นข้อแตกต่างให้สามารถทำการตลาดต่อไปได้ เชื่อมโยงกับสิ่งที่ชุมชนมีอยู่ดั้งเดิม
ก่อนจะลงพื้นที่ในชุมชนนิสิตได้เรียนเนื้อหาทฤษฎีทางวิชาการ โดยอาจารย์มุ่งหวังว่า นิสิตจะนำเนื้อหาที่เรียนมาปรับใช้กับสิ่งที่เห็นจากการลงพื้นที่จริง สร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยนำความรู้ที่เรียนมาผสมผสานต้นทุนทางวัฒนธรรมประเพณีที่มีอยู่ในพื้นที่ ในการสร้างสินค้า บริการ ที่สามารถสร้างรายได้ในชุมชนให้เติบโต โดยอัตลักษณ์ของชุมชนไม่ถูกทำลายไปตามการเติบโตของสังคมเมือง
ทั้งนี้ เมื่อนิสิตลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลของชุมชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะได้นำเสนอหัวข้อและเนื้อหากับอาจารย์ผู้สอน เกี่ยวกับการสร้างรายได้ทางการตลาดกับสิ่งที่ชุมชนมีอยู่ นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้กับแนวทางการตลาดของชุมชนต่อไป