ปัญหาใหญ่ SMEs ผลิตเยอะ ขายไม่เป็น ขาด KOL ช่วย สินค้าไม่ถึงไหน

ปัญหาใหญ่ SMEs ผลิตเยอะ ขายไม่เป็น ขาด KOL ช่วย สินค้าไม่ถึงไหน

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ ในฐานะที่ปรึกษาบริษัท OKOL จำกัด กล่าวถึง กลยุทธ์ทางการตลาด KOL (KEY OPINION LEADER) ที่อาศัยบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีความน่าเชื่อถือ และมีช่องทางการติดตามบนโซเชียลมีเดีย มาช่วยโปรโมตและรีวิวสินค้า ซึ่งนับเป็นการตลาดที่มีอิทธิพลอย่างมากบนโลกออนไลน์ในเวลานี้ ว่า กลยุทธ์ KOL ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เหมือนกับเป็นการสร้างตัวตนกันขึ้นมาเอง เนื่องจากยังไม่มีมาตรฐานรองรับ

และคนในแวดวง อีคอมเมิร์ซ จะรู้ดีว่า KOL ไม่ได้สำคัญแค่ตัวบุคคล แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ระบบ ดาต้าเบส และระบบบริหารจัดการ ที่อยู่ข้างหลังอีกมากมายต่างหากที่มีความสำคัญ เพียงแต่คนไม่ค่อยรู้ จึงไม่เห็นความสำคัญ

ดังนั้น สิ่งที่บริษัท OKOL จะเข้ามาอุดช่องว่าง มีอยู่ 3 ประเด็นสำคัญ คือ ระบบมาตรฐานโดยการทำฐานข้อมูลกลาง เป็นแหล่งรวมของ KOL ที่เราคัดสรรมาแล้ว มาจัดรวมกลุ่ม แล้วทำการจัดหมวดหมู่ไว้ เพื่อการค้นหาจะสามารถทำได้ง่าย ปัญหาบ้านเรา คือ มีผู้ผลิตเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ขายของไม่เป็น และไม่มี KOL มาคอยช่วยขาย ดังนั้น สินค้าดีๆ จึงไม่ถูกนำสู่ตลาดในวงกว้าง ทั้งในและต่างประเทศ

โดยในระยะยาว จะพัฒนาระบบ ที่เรียกว่า ดาต้าเบส หรือ Operation ต่างๆ มารองรับ ปัจจุบัน KOL ในประเทศจีนมีหลายล้านคน ขณะที่ประเทศไทยมีไม่กี่พันคน ซึ่งความจริงควรมีหลักแสนคน ดังนั้น ทางบริษัท OKOL จะบริหารข้อมูลเครือข่ายสินค้าและบริการของผู้ให้บริการ ซึ่งถ้าบริหารข้อมูลดีๆ อนาคตก็จะพัฒนาเป็นบิ๊กดาต้า และเอไอ ที่จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญ

และ ประเด็นสุดท้าย คือ การพัฒนามาตรฐานการตลาด KOL ที่จะไม่เน้นแค่ความสวย ความหล่อ หรือเป็นเซเลบ แต่อาจเป็นคนธรรมดาที่อยากขายของ มาฝึกฝน และไม่พูดหยาบ หรือแต่งตัวโป๊

อย่างไรก็ตาม คุณวรวุฒิ ยอมรับว่า การทำงานของ OKOL คงไม่ง่ายนักในช่วงแรก เนื่องจากเรื่องที่ทำเป็นเรื่องใหม่ คนไม่ค่อยเข้าใจ จึงต้องให้ความรู้กันไปเรื่อยๆ ซึ่งหากธุรกิจ OKOL เติบโต จะกลายเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ ที่ทำให้ เอสเอ็มอี โอท็อป เกษตรกรไทย ก็จะมีคนช่วยขายของ ก็จะเกิดกระบวนการขายของออนไลน์ ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแรง

ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกของมาขายนั้น ที่ปรึกษาบริษัท OKOL กล่าวว่า เราเป็นแหล่งรวม KOL ที่ได้มาตรฐาน เป็นการสร้างมาตรฐานขึ้นมาครั้งแรกในประเทศไทย โดยเรามองไปที่ 3 กลุ่มแรก คือ 1. ของกิน  ไม่ว่าจะกินเพื่อสวยหล่อ หรือ แข็งแรง หายป่วย ถ้าเอาเข้าปากไป ถือว่าเป็นของกิน เป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก 2. บิวตี้ คอสเมติก ความสวยความงาม และ 3. ไลฟ์สไตล์และแกดเจ็ต ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ก็เท่ากับ 80% ของยอดขายออนไลน์แล้ว

นอกจากนี้ ยังได้จัดการประกวด KOL โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กมหาวิทยาลัย ที่สามารถฝึกฝนทักษะการเป็น KOL บางคนเก่งมาก แต่ไม่คิดว่าจะประกอบอาชีพนี้ ก็ลองไปประกวดเล่นๆ ดู เผื่อจะค้นพบตัวตนของตัวเองได้ เพราะอาชีพนี้ถ้าทำแล้วพัฒนาดีๆ เป็นอาชีพที่รายได้ดีมาก ในประเทศจีน หลายคน มีรายได้ต่อปีร้อยล้านถึงพันล้าน และเป็นอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ของจีน ดีกว่า ดารา นักร้อง ที่มีขึ้นมีลง แต่ KOL ไม่มีผล

ตรงกันข้ามจะเป็นการอัพเกรดตัวเองไปเรื่อยๆ ตามอายุและจะมีลูกค้าเก่าที่เป็นลูกค้าประจำ ดังนั้น จะเป็นอาชีพ เซลส์ ยุคใหม่ที่ไม่ใช่การขายอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการสร้างคอนเทนต์ รู้จักจิตวิทยาในการดึงคน เอนเตอร์เทนคน ให้อยู่กับในการนำเสนอ หลักของ KOL คือ ถ้าไม่สนุก ไม่มีใครดู

คุณวรวุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้ OKOL จะใช้ทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง TikTok Youtube Facebook Instagram หรือ แม้แต่ มาร์เก็ตเพลส ของ ช้อปปี้ ลาซาด้า เราก็ไปทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเจ้าของแบรนด์กับลูกค้า  เพียงแต่ว่าระหว่างทาง จากสินค้าไปหาลูกค้าจะผ่านช่องทางอะไร เราไปได้หมดไม่ปิดกั้นตัวเอง รายได้ของ OKOL มาจากคอมมิชชั่น ซึ่งส่วนหนึ่งเรานำมาพัฒนากระบวนการ

และอีกส่วนซึ่งเป็นส่วนใหญ่ นำมาจ่ายคอมมิชชั่นให้กับ KOL เพราะปกติแล้ว การที่จะไปติดต่อ KOL เอง เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และไม่สามารถตรวจสอบมาตรฐานได้ แต่ OKOL จะมีมาตรฐาน ควบคุมดูแลให้ และจะมีระบบบ “หลังบ้าน” คอยให้บริการข้อมูลแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์สินค้าว่าตัวไหน ไปได้ดี โปรโมชั่นอันไหนดี หรือตัวไหนไม่ทำเงิน ในส่วนของเจ้าของสินค้า ไม่ต้องมายุ่งยาก ในการแพ็กของ ส่งของ เพราะทาง OKOL จะดำเนินการให้ทั้งหมด