ยังไม่พ้นวิกฤต เตือน 6 จว.ใต้รับมือฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน 23-25 ม.ค.

ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 7 จังหวัดใต้ เตือนปชช.รับมือฝนตกหนักในช่วงวันที่ 23-25 ม.ค. ประสานจังหวัด 6 จังหวัดใต้เตรียมรับมือฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย 

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.59 ถึงวันที่ 23 ม.ค.60 ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 124 อำเภอ 778 ตำบล 6,031 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 582,725 ครัวเรือน 1,784,942 คน ผู้เสียชีวิต 85 ราย ผู้สูญหาย 4 ราย ถนน 4,314 จุด คอสะพาน 348 แห่ง ท่อระบายน้ำ 243 แห่ง ฝาย 126 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สถานที่ราชการเสียหาย 25 แห่ง โรงเรียน 2,336 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 5 จังหวัด ได้แก่ ระนอง กระบี่ ตรัง ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์

ยังคงมีสถานการณ์ใน 7 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง ยะลา สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส รวม 35 อำเภอ 200 ตำบล 1,113 หมู่บ้าน โดยนครศรีธรรมราช มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร และอำเภอเชียรใหญ่ รวม 38 ตำบล 337 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,731 ครัวเรือน 167,963 คน อพยพ 181 ครัวเรือน 740 คน ผู้เสียชีวิต 26 ราย

โดยสุราษฎร์ธานี มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพุนพิน และอำเภอบ้านนาเดิม รวม 8 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,725 ครัวเรือน 5,192 คน ประชาชนอพยพ 38 ครัวเรือน 138 คน ผู้เสียชีวิต 15 ราย

พัทลุง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนขนุน อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน และอำเภอเมืองพัทลุง รวม 7 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,691 ครัวเรือน 13,641 คน ผู้เสียชีวิต 12 ราย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 5 หลัง เสียหายบางส่วน 93 หลัง

ยะลา มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา อำเภอรามัน และอำเภอยะหา รวม 25 ตำบล 118 หมู่บ้าน 2 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,399 ครัวเรือน 14,337 คน อพยพ 20 ครัวเรือน 80 คน

สงขลา มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอระโนด และอำเภอสะบ้าย้อย รวม 12 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,432 ครัวเรือน 39,332 คน ผู้เสียชีวิต 8 ราย

ปัตตานี มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาแระ อำเภอสายบุรี อำเภอไม้แก่น และอำเภอโคกโพธิ์ รวม 44 ตำบล 175 หมู่บ้าน 6 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,657 ครัวเรือน 15,897 คน

นราธิวาส มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอตากใบ อำเภอบาเจาะ อำเภอยี่งอ อำเภอระแงะ อำเภอรือเสาะ อำเภอศรีสาคร อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะ และอำเภอเจาะไอร้อง รวม 66 ตำบล 408 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,212 ครัวเรือน 111,691 คน

ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยที่ครอบคลุมทั้งด้านการดำรงชีพ ชีวิตและทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และสิ่งสาธารณประโยชน์

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ในช่วงวันที่ 23-25 ม.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดดังกล่าว และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 12 สงขลา เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักและ
ฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย

โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ววัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ ฉบับที่ 32 เรื่อง “ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย” ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 23-25 ม.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในภาคใต้ตอนล่าง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และในพื้นที่เสี่ยงภัยขอให้เฝ้าระวังดินโคลนถล่ม และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 25 ม.ค. ไว้ด้วย

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์