“ฝ้าย” ขายสารพัด หาเงินเองตั้งแต่ ม.4 เหตุผลเดียว ไม่อยากกวนเงินพ่อแม่

“ฝ้าย” ขายสารพัด หาเงินเองตั้งแต่ ม.4 เหตุผลเดียว ไม่อยากกวนเงินพ่อแม่ 

แม้เกิดมาในครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่เป็นพยาบาล เรียกได้ว่าไม่ต้องดิ้นรนทำงานก็อยู่ได้แบบสบาย แต่ คุณฝ้าย-กชพร คีรีโชติ กลับไม่คิดเช่นนั้น เธอทำงานหาเงินตั้งแต่อยู่ชั้น ม.4 เหตุผลในครั้งแรกไม่ชัดนักว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะตัวเองก็ไม่ได้ใช้เงินเยอะมาก ไม่ใช้ของแบรนด์เนม หรือของใช้ฟุ่มเฟือยอะไร แต่สุดท้าย เมื่อผ่านไปหลายปี จึงได้ข้อสรุปว่า ไม่อยากรบกวนเงินพ่อแม่

พอเริ่มขายได้ ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ศึกษาทั้งในอินเทอร์เน็ต และเดินตามห้าง และแหล่งชุมชน ว่าเขานิยมอะไร ของอะไรขายดี แม้แต่การหา Influencer ก็ทำ ไปขอให้เขาช่วยโปรโมต ทั้งดารา ทั้งไฮโซ ตอนนั้นไปขอเขาเองตรงๆ เลย ความอยากได้เงิน

คุณฝ้าย เล่าว่า เงินก้อนแรกที่หามาได้เอง คือ พรีออร์เดอร์ เสื้อผ้าแบรนด์ Forever21 จากอเมริกา ก่อนที่จะเข้ามาเมืองไทย เป็นการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ และส่งชิปปิ้งทางเรือประมาณ 30 วัน ตอนนั้นยังไม่มีเงินเลยตัดบัตรเครดิตพ่อ จำได้ว่าได้กำไรจากการขายสินค้าล็อตนั้น 15,000 บาท สำหรับเด็กรุ่นนั้น ถือว่ามากแล้ว ก็เลยติดใจทำมาเรื่อยๆ

คุณฝ้าย-กชพร คีรีโชติ เจ้าของเรื่องราว

แต่เปลี่ยนสินค้าไปตามกระแส เป็นคนที่ชอบศึกษา และหาความรู้ว่าตอนนี้เขานิยมอะไร สินค้าอะไรถ้าเราเอามาขายจะกำไรดี เราจะรีบทำ โดยสินค้าที่ทำเงินได้มากอีกตัวคือ tao bao ของจีน และพวก accessory พวกเคสกล้อง เคสมือถือ อัลบั้มรูป ของแต่งโทรศัพท์ ขายดีมากๆ เพราะคนไทยนิยม

คุณฝ้าย บอกว่า พ่อไม่เคยรู้เลยว่าเราขายของ จนมาความแตก ตอนประมาณปี 1 ไปรับเสื้อกีฬาแบรนด์ดัง มาขายราคาถูก กำไรเยอะมาก พ่อมารู้ทีหลังบอกให้เลิก เพราะการขายของก๊อบปี้ไม่ดี และพ่อก็ตัดสินใจซื้อสินค้าล็อตสุดท้ายไป 80,000 กว่าบาท แล้วเอาไปแจก และกำชับหนักแน่นว่าให้เลิกขายของก๊อบปี้เพราะมันผิดกฎหมาย

จากนั้นมาจับสินค้าเป็นกล้องโพลารอยด์ เหมือนฟลุก เพราะไปเดินตามห้างขายส่งทั้ง มาบุญครอง ฟอร์จูน สุดท้ายมีพี่ท่านหนึ่ง เห็นเธอเป็นเด็กที่ขยันทำงาน รู้สึกสงสาร เลยขายส่งให้ราคาถูกกว่าร้านอื่นเป็นเท่าตัว เลยเอามาขายในไอจีเป็นเจ้าแรก

แล้วต้องบอกว่าฟลุก เพราะมี ดารา เข้ามาซื้อแล้วเขาไปรีวิวให้ ขายได้เยอะมาก จนเธอกลายเป็นฮับใหญ่ในตลาดไอจี และมีตัวแทนจำหน่ายค่อนข้างเยอะ ตอนนั้นก็ขายไปเรื่อยๆ แต่พอมาดูบัญชีย้อนหลัง ขายได้กำไรไป 5 ล้านกว่าบาทในเวลา 2 ปี จากนั้นก็ไม่เคยขอเงินพ่ออีกเลย

ไลฟ์สไตล์ ยามว่าง

“ช่วงเรียนที่ มหาวิทยาลัยเกษตรฯ อินเตอร์ เพื่อนส่วนใหญ่ก็ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี เขาก็มาถามเราว่า เดือดร้อนเรื่องเงินเหรอ ทำไมหาเงินไม่หยุดเลย เลยมาคิดว่า จริงๆ แค่อยากมีเงินโดยไม่ต้องรบกวนพ่อแม่เท่านั้น พอทำได้ก็ภูมิใจ แต่เรื่องค่าเล่าเรียน พ่อเขาเป็นคนจ่ายให้อยู่แล้ว และท่านไม่เคยรู้ว่าเราทำอะไร หาเงินยังไง มารู้ตอนขายของก๊อบนั่นล่ะ และก็ไม่ถามอะไรอีก เพียงแต่บอกว่า อย่าทำแบบนั้นอีก” คุณฝ้าย เล่า

กิจการขายออนไลน์ กำลังไปได้ดี แต่สุดท้าย คุณฝ้ายต้องขายไอจี เพราะพ่อให้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ จำได้ว่า ขายไปประมาณ 50,000-80,000 บาท จำตัวเลขจริงๆ ไม่ได้ จนน้องที่ซื้อต่อ เอาไปต่อยอดขายได้อีกเป็นสิบล้าน เพราะเขาโชคดีที่ช่วงนั้น เพื่อนของฝ้ายทำงานที่ช้อปปี้ และเพิ่งเข้ามาในไทย ก็เลยติดต่ออยากได้ไอจีเราไปลง เลยกลายเป็นโชคดีไป แต่ตอนนี้ขายเปลี่ยนมือไปหลายเจ้าแล้ว

ส่วนตัวก็เสียดายเหมือนกัน แต่ต้องเลือกเรียน เพราะพ่ออยากให้เรียน และที่สำคัญ อาจจะเป็นเพราะพะวงเรื่องการขายของเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปีแรกสอบตก เลยต้องจ่ายค่าเรียนเองเพราะไม่ได้บอกกับพ่อ ดังนั้น นอกจากจะต้องขยันเรียนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว ต้องหาเงินเรียนเองด้วย ทั้งทำงานร้านอาหาร และขายของออนไลน์

ไอจีขายกล้องโพลารอยด์

จำได้ว่าต้องไปกดจองรองเท้า YEEZEE ตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นการสั่งพรีออร์เดอร์ ราคาประมาณ 7,000-8,000 บาท มาขายได้คู่ละ 50,000 บาท กำไรหลายเท่า แต่มันมีไม่กี่คู่ในโลก ถือว่าคุ้ม แต่พอพ่อรู้เลยสั่งให้หยุดทำ ให้เรียนอย่างเดียว และช่วงนั้นก็มีแฟนด้วย แฟนค่อนข้างมีฐานะ เลยไม่อยากให้เราทำงานหนัก ก็เลยเรียนอย่างเดียว จนจบปริญญาโท

พอกลับมาเมืองไทย คุณฝ้าย บอกว่า ในหัวยังเต็มไปด้วยการหาเงิน เลยไปดูทำเลแถวสยาม และคิดว่าควรมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เลยเช่าร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น ช่วงแรกขายดีมาก เพราะเอาเสื้อไปให้ไฮโซใส่แล้วโพสต์ แล้วเขารีวิวให้ มีคนซื้อตามเยอะมากขายได้เป็นพันตัว แต่บังเอิญเกิดเหตุความไม่สงบขึ้น จึงต้องปิดร้านไป 2 เดือน กำไรที่ได้ก็เอาไปจ่ายค่าเช่าทั้งที่ไม่ได้ขาย เราก็เลยต้องเลิกกิจการไป

จากนั้นมาทำงานประจำที่ HSBC ดูเอสเอ็มอี ทำอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน เกิดสถานการณ์โควิด เลยมาทำงานอาสา โครงการ “อยู่บ้านปอดปลอดภัย” ของโรงพยาบาลราชวิถี คอยประสานแยกผู้ป่วย สีเขียว สีเหลือง ไปอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นผู้ป่วยสีแดง โดยจะเอกซเรย์ปอดและจัดยาให้ สามารถช่วยเหลือคนได้หลายพันคน

กิจการร้านทำเล็บ

โดยในระหว่างที่ทำงานประจำ (ปี 2561) ไปเดินแถวเกษตรฯ และเห็นธุรกิจทำเล็บ น่าสนใจมาก แล้วที่นั่น (ตอนนั้น) มีร้านทำเล็บอยู่ร้านเดียว คิวเต็มไป 3 เดือน ก็คิดว่า ถ้ามาเปิดบ้างก็จะสามารถเฉลี่ยลูกค้ามาได้ เลยตัดสินใจเปิดร้านทำเล็บชื่อ Nail@heart (เนลแอทฮาร์ท) และจ้างช่างช่วงแรก 2 คนและเพิ่มเป็น 3 คน ลูกค้าเยอะมากเพราะราคาไม่แพง ทาเล็บเจลแค่ 169 บาท ลูกค้าแน่นทุกวัน

จนมาเจอสถานการณ์โควิด ต้องหยุดกิจการไปเป็นปี เธอเองก็เจ็บหนัก เพราะจ่ายเงินเดือนลูกน้องต่อเนื่อง ไม่อยากเสียช่างดีๆ ตอนนี้กลับมาเปิดแล้ว แม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่ร้านยังคิวแน่นทุกวัน อยากเพิ่มสาขา เพิ่มช่าง แต่ตอนนี้ยังกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เลยต้องรอสักระยะ และกำลังคิดจะเปิดร้านต่อขนตา และร้านแซนด์วิชเกาหลี เพราะในเกษตรฯ คนยังทำน้อย เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการที่มีมาก

และล่าสุด คุณฝ้ายได้เริ่มทำธุรกิจ ตัดเสื้อผ้า เป็นแบบสั่งตัด ชุดเพื่อนเจ้าสาว ทางไอจี ในชื่อร้าน @sincethen.stores เริ่มมีออร์เดอร์เข้ามาบ้างแล้วหลังจากเปิดได้ไม่นาน

…………………….

สิ้นสุดการรอคอย! กลับมาอีกครั้ง กับงานสัมมนาธุรกิจ SMEs “พลิกเกมไว โอกาสใหม่ SMEs” 31 สิงหาคมนี้!
.
งานสัมมนาแห่งปีของเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ที่ปีนี้พร้อมจัดใหญ่ จัดเต็ม เอาใจผู้ประกอบการ นักธุรกิจหน้าใหม่ หรือผู้ที่สนใจอยากเริ่มสร้างธุรกิจ โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 กลับมาเจอกันอีกครั้งพร้อมคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ และเข้าถึงเหตุการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
.
พร้อมเชิญทั้งกูรู และ เหล่า SMEs ที่มีประสบการณ์ ฟันฝ่า ปรับตัว มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ สร้างการเรียนรู้เพื่อใช้ในการปรับตัวทางธุรกิจ หรือปรับกลยุทธ์ในการค้าขายให้ทันโลกในปัจจุบันมากขึ้น
.
สามารถร่วมสนุกกับงานสัมมนา “พลิกเกมไว โอกาสใหม่ SMEs” ได้ โดยการลงทะเบียนล่วงหน้าพร้อมลุ้นรับของรางวัลได้ที่ >> https://bit.ly/3zBg81E (จำนวนจำกัด)
.
#พลิกเกมไวโอกาสใหม่SMEs #สัมมนาเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ #SENTANGSEDTEEONLINE #OtteriWashAndDry #ตู้เต่าบิน #น้ำพริกป้าแว่น #โกโก้ร้านไอ้ต้น