“ร้านทองตู้แดง”แห่จดทะเบียนพุ่ง สรรพากรต้อน6พันรายเข้าระบบ

ร้านทองตู้แดงแห่ยื่นจดทะเบียนนิติบุคคลพุ่ง เพิ่ม 1 พันเท่าตัว สรรพากรคาดผู้ค้าบุคคลธรรมดาเปลี่ยนสถานะจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด-ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ต่ำกว่า 6 พันราย นายกสมาคมค้าทองคำประสานเสียง ชี้จ่ายภาษีรูปแบบใหม่คุ้มค่า

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการจดทะเบียนการจัดตั้งนิติบุคคลช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย. 2559) จำนวน 59,878 ราย เพิ่มสูงขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 เป็นผลมาจากผู้ประกอบธุรกิจบางประเภทแห่ยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะการจดทะเบียนธุรกิจร้านขายทองที่รัฐมีนโยบายส่งเสริมให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลสูงถึง 1,341 ราย โดยผู้ประกอบการเหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีมากกว่าผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา

จดทะเบียนร้านทองพุ่งพันเท่า

ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับทองเป็นประเภทที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดในเดือนพ.ย. 2559 รวม 803 ราย เพิ่มขึ้น 9,938% จากเดือน พ.ย. 2558 ยอดจดทะเบียน 8 ราย เดือน ธ.ค. 2559 ยอดจด 960 ราย เพิ่มขึ้น 31,900% จาก พ.ย. 2558 จด 3 ราย รวมทั้งปียอดจดทะเบียน 2,301 ราย เพิ่มขึ้น 1,105% เมื่อเทียบกับยอดจดทะเบียนปี 2558 ทั้งปี 191 ราย ทำให้ล่าสุดมีจำนวนธุรกิจร้านทองมาจดทะเบียนแล้วรวม 3,520 ร้าน จากทั้งหมด 7,500 แห่ง

“ผลจากการผลักดันธุรกิจเข้าสู่ระบบนิติบุคคลเดียว คาดว่าการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลปีนี้ได้สูงถึง 65,000 ราย ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะธุรกิจร้านขายทอง ร้านขายยาที่จะเข้าระบบ จะทำให้การจดทะเบียนเพิ่มขึ้นด้วย”

ทั้งนี้ สถานะนิติบุคคลร้านขายปลีกเครื่องประดับ (ร้านขายทอง) ณ 31 ธ.ค. 2559 มี 4,454 ราย แยกเป็น กทม. 1,853 ราย ทุนจดทะเบียน 42,813 ล้านบาท ภูมิภาค 2,601 ราย ทุนจดทะเบียน 11,143 ล้านบาท

คาดเข้าระบบ 85%

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การที่ผู้ประกอบการร้านทองยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลมากขึ้น เป็นผลพวงมาจากที่กรมมีมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดาเปลี่ยนไปจัดตั้งเป็นนิติบุคคล โดยมาตรการจูงใจจะมีถึงสิ้นปี 2560 ประเมินว่า ร้านทองจะเข้าสู่ระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลกว่า 6,000 ราย หรือ 85% จากทั้งหมดราว 7,000 ราย

มหาดไทยผ่อนเกณฑ์ใบอนุญาต

“ตอนนี้มาตรการจูงใจเรื่องยกเว้นภาษีโอนทรัพย์สินต่างๆ ส่วนใหญ่ผ่านแล้ว รอแค่ประกาศใช้ ล่าสุดได้คุยกับกระทรวงมหาดไทยให้ผ่อนปรนใบอนุญาต กรณีร้านทองบางส่วนจดทะเบียนเป็นผู้ค้าของเก่า มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2560 ทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจและไปจดทะเบียนตั้งนิติบุคคลกันมากขึ้น”

แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรกล่าวว่า ขณะนี้สรรพากรทุกพื้นที่รายงานยอดธุรกิจร้านทองที่เดิมเป็นบุคคลธรรมดาแล้วเปลี่ยนมาเป็นนิติบุคคลแล้วกว่า60% ส่วนใหญ่เป็นร้านทองขายปลีก หรือร้านทองตู้แดง เพราะร้านทองที่เป็นผู้ค้าส่งจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอยู่แล้ว โดยกรมได้ดึงเข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้เสียภาษีรายใหญ่ (LTO) ประมาณ 75 ราย ทำให้สามารถตรวจสอบถึงร้านทองขายปลีกได้ เมื่อร้านค้าส่งออกใบกำกับภาษี กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

5 มาตรการจูงใจได้ผล

สำหรับมาตรการจูงใจให้จัดตั้งนิติบุคคล คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อ 9 ส.ค. 2559 เห็นชอบ “มาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปนิติบุคคล” 5 มาตรการย่อย 1) ลดอัตราหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาลดลงมาเหลือไม่เกิน 60% สำหรับรายได้พึงประเมินตั้งแต่ 1 ม.ค. 2560 2) ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์แก่บุคคลธรรมดาในการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้ง9 ส.ค. 2559-31 ธ.ค. 2560

3) ให้บริษัทที่จัดตั้งใหม่มีทุนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการไม่เกิน 30 ล้านบาท (ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี) นำรายจ่ายที่เกิดจากการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล รวมทั้งรายจ่ายค่าทำบัญชีและค่าสอบบัญชี หักรายจ่ายได้ 2 เท่า 5 รอบบัญชี นับแต่วันที่จัดตั้งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

4) โอนอสังหาฯและห้องชุดที่ถือเป็นการโอนส่วนตัวเข้าบริษัทนิติบุคคล มหาดไทยลดค่าธรรมเนียมโอนจาก 2% เหลือ 0.01% 5) อนุญาตให้บุคคลธรรมดาโอนใบอนุญาตในการประกอบกิจการ เช่น ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการขายยาแผนปัจจุบัน ให้นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่ได้

ค้าทองกรุงเทพฯหนุนสรรพากร

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปัจจุบันสมาชิกร้านค้าทองของสมาคมกว่า 1 พันราย ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วเกินครึ่ง โดยสมาคมได้จัดสัมมนาอบรมให้ความรู้กับสมาชิกทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด สร้างความเข้าใจถึงการจัดทำบัญชีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสมาชิกส่วนใหญ่เข้าใจว่าการทำระบบบัญชีที่ถูกต้อง เพื่อแลกกับการจ่ายภาษีรูปแบบใหม่คุ้มค่า จึงได้ทยอยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

“การค้าขายต้องทำทุกอย่างให้อยู่บนโต๊ะ จะหลบเลี่ยงไปทำไม เมื่อทางการให้โอกาสก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่อย่างนั้นจะเหมือนสมัยก่อนที่ร้านค้าทุนจดทะเบียนแค่ 1-2 ล้าน แต่มีทอง 400-500 ล้านบาท ซึ่งเกินทุนจดทะเบียนไปมาก”

ค้าทองภูธรโอดถูกบีบจดทะเบียน

ด้านนายชุมพล พิทยานนท์ นายกสมาคมธุรกิจทองคำ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2559 มีร้านทองเข้าจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มขึ้นสูงมาก เป็นเพราะกรมสรรพากรบังคับให้ดำเนินการ หากไม่ทำตามจะตรวจสอบละเอียด เช่น ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจทอง ขอเรียกดูการเสียภาษีย้อนหลัง ร้านค้าขนาดเล็กจึงจำเป็นต้องเข้าจดทะเบียน

“หลายร้านถูกสรรพากรไล่บี้ให้จดทะเบียน ถ้ายังไม่ทำจะเข้าตรวจทอง ขอดูภาษีย้อนหลัง แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่มาเฝ้าร้าน ในส่วนของกลุ่มที่มีความพร้อมเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ประมาณ 16% ทำได้ ไม่มีปัญหา รวมถึงรายกลางค่อนข้างใหญ่อีกเกือบ 50% แต่ที่เหลือรายเล็ก 35% อาจลำบาก และมีปัญหา”

เล็งยื่นหนังสือถึง “สมคิด”

ประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือร้านค้าทองขนาดเล็ก มีปัญหาด้านความรู้เรื่องการลงบันทึกบัญชี หรือข้อมูลต่าง ๆ อาจทำการผิดพลาด ถูกลงโทษปรับตามกฎหมาย และหากเลือกว่าจ้างนักบัญชีก็อาจไม่คุ้ม เพราะไม่ได้มียอดขายสูงมาก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ร้านค้าทองบางแห่งประกอบกิจการต่อได้ยาก ภาครัฐจึงควรจะปล่อยให้ร้านค้าทองขนาดเล็กค่อย ๆ เติบโต และทำความเข้าใจกฎหมาย เมื่อพร้อมก็จะเข้าไปจดทะเบียนเอง ไม่ใช่บังคับ

ปัญหาที่เกิดขึ้น สมาคมธุรกิจทองคำ ซึ่งมีสมาชิกร้านค้าทองในต่างจังหวัดกว่า 300-400 ราย จะเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้สรรพากรอย่าบังคับให้ร้านค้าทองเข้าจดทะเบียน

เชียงใหม่ยื่นจดทะเบียนต่อเนื่อง

ขณะที่นายนิรันดร์อินตาวงศ์ ผู้อำนวยการทะเบียนธุรกิจและอำนวยความสะดวกทางการค้า สำนักงานพาณิชย์ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เชียงใหม่มีผู้ประกอบการร้านทองเริ่มทยอยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 กว่า 100 รายแล้ว โดยเฉพาะ ธ.ค. 2559 มีสถิติผู้ยื่นจดทะเบียนสูงสุด 45 ราย ส่วนใหญ่จดทะเบียนในรูปบริษัทจำกัด และช่วงต้นเดือน ม.ค. 2560 ถึงขณะนี้ยังมีผู้มายื่นจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน