ปลอมบัตรเครดิตรูปแบบใหม่ ตร.รวบแก๊งคนจีน รูดปรื๊ดสูญนับล้าน

เมื่อเวลา 13.30น. วันที่ 20 มกราคม ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) มอบหมาย พ.ต.อ.อาชยน ไกรรอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.เกื้อกมล ดวงประทีป ผกก.1บก.ทท. พ.ต.ท.อัครเดช เกตุเอี่ยม พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.ศิลา ตันตระกูล สว.งานสืบสวน กก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.อริศ คูประสิทธิรัตน์ สว.ส.ทท. 2 กก.1บก.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสืบสวน กก.1บก.ทท. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 5ราย คือนายไบ เว่ย (MR. BAI WEI) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน นายชาง ชูเจียง (MR. ZHANG CHUSHENG) อายุ 49 ปี สัญชาติจีน นายซู ไชเว่ย (MR. XUE ZHIWEI) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน นายลิว ยูหมิง (MR. LIU YUMING) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน และนายเชน จี (MR. CHEN JIE) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน พร้อมด้วยของกลางเครื่องบันทึกข้อมูลลงในแถบแม่เหล็ก สีดำ 1 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม 3 ใบ เครื่องอนุมัติวงเงินอัตโนมัติ จำนวน 1 เครื่อง สลิปใบสรุปยอดรายการขาย 4 ใบ เอ็กซ์ทรานอลฮาร์ดดิส แฟรซไดฟ์ โทรศัพท์มือถือ โดยจับกุมได้หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 21 แขวงบางกะปิ เขตหัวหมาก

พ.ต.อ.อาชยน กล่าวว่า ตำรวจงานสืบสวน กก.1 บก.ทท. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย ว่ามีคนร้ายซึ่งเป็นชาวต่างชาตินำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมมาใช้รูดซื้อสินค้า ตามสถานที่ต่าง ๆ จึงได้จัดกำลังชุดสืบสวนออกสืบสวนหาข่าวกรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งกลางดึกวานนี้ออกตรวจบริเวณถนนรามคำแหงและพบผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติมีลักษณะคล้ายกับที่ได้รับแจ้ง คือ นายไบ เว่ย นายชาง ชูเจียง และนายซู ไชเว่ย เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปแสดงตัวและขอทำการตรวจค้นพบของกลาง เป็นบัตรอิเล็กโทรนิกส์ปลอม 3 ใบ พร้อมด้วยเครื่องบันทึกข้อมูลลงในแถบแม่เหล็ก 1 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับพกพา พร้อมโปรแกรมบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก และโทรศัพท์มือถือ ต่อมาได้ขยายผลจนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 2 ราย คือ นายลิว ยูหมิง และ นายเชน จี พร้อมของกลาง หลังจับกุมได้ประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย มาเพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้อง ของบัตรที่ผู้ต้องหาใช้ในการรูดซื้อสินค้า พบว่าบัตรทั้งสามใบถูกทำปลอมขึ้นโดยใช้โปรแกรมและเครื่องบันทึกข้อมูลลงในแถบแม่เหล็ก และใช้เข้ากับเครื่องอนุมัติวงเงินอัตโนมัติ รวมมูลค่าความเสียหายที่ผู้ต้องหาได้ทำการรูดบัตรประมาณ 1 ล้านบาท

พ.ต.อ.อาชยน กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบผู้ต้องหาทั้งหมดได้เข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมาโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว แต่มีจุดประสงค์เพื่อเข้ากระทำความผิดดังกล่าวโดยเฉพาะ และข้อมูลบัตรเครดิตต่างๆนั้นได้รับมาจากประเทศจีน ซึ่งข้อมูลที่ได้มามีผู้เสียหายหลายประเทศเช่น ชิลี เกาหลี ญี่ปุ่น เปรู และจีน ส่วนบัตรเครดิตทั้ง 3 ใบนั้น ผู้ต้องหาจะใช้วิธีบันทึกข้อมูลใส่บัตร เมื่อทำการรูดเสร็จก็จะบันทึกข้อมูลใหม่ทับลงไป วนสลับกันไป ทั้งนี้ในปัจจุบันมิจฉาชีพเหล่านี้เริ่มมีพฤติการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเมื่อก่อนจะใช้วิธีใช้สกิมเมอร์คัดลอกข้อมูลบัตรแล้วไปทำบัตรใหม่ไปใช้รูดซื้อสิ้นค้าตามร้านต่างๆ แต่ในปัจจุบันแก๊งพวกนี้จะใช้วิธีเอาข้อมูลบัตรมาให้ในบัตร และบันทึกข้อมูลลงไปในบัตรใบเดิม แล้วนำเครื่องรูดบัตรมารูดเงิน ซึ่งในส่วนนี้เครื่องรูดบัตรนั้นจะต้องได้มาจากร้านค้าต่างๆ ทั้งนี้ต้องทำการตรวจสอบว่าแก๊งชาวจีนเหล่านี้ไปเอาเครื่องรูดบัตรมาจากไหน และร้านค้าที่เป็นเจ้าของเครื่องรูดดังกล่าวมีส่วนรู้เห็นหรือมีการแบ่งส่วนแบ่งให้กันหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กโทรนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมขึ้นหือแปลงขึ้นโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้อื่น และมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ที่มา มติชนออนไลน์