ซักเคอร์เบิร์กให้การศาล ปฏิเสธข้อหาเฟซบุ๊กขโมยเทคโนโลยีวีอาร์ แว่นทะลุมิติ

บีบีซีรายงานวันที่ 18 ม.ค. ว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก กล่าวให้การในชั้นศาลเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า เฟซบุ๊กเจตนาขโมยผลงานการคิดค้นแว่นตาทะลุมิติ เวอร์ชวล เทคโนโลยี หรือวีอาร์ หลังเข้าช้อนซื้อค่ายออคคูลัส ผู้พัฒนาแว่นตาออคคูลัส ริฟต์ แว่นตาวีอาร์ที่ใช้ได้จริงเป็นเจ้าแรก และจุดระเบิดกระแสความนิยมวีอาร์ไปทั่วโลก เมื่อปี 2556

ค่ายเซนิแม็กซ์ (Zenimax) ผู้ฟ้องร้องต่อศาล ระบุว่า ทางค่ายเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในแว่นตาดังกล่าว จึงเรียกค่าเสียหายจากเฟซบุ๊ก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 70,000 ล้านบาท หลังนายจอห์น คาร์แม็ก ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไอดี ซอฟต์แวร์บริษัทลูกของเซนิแม็กซ์ นำข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์นี้ไปก่อตั้งค่ายออคคูลัส

ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน ตอนที่เข้าซื้อออคคูลัส ก็ไม่เคยได้ยินชื่อเซนิแม็กซ์ คำให้การนี้ทำให้ทนายความของฝ่ายเซนิแม็กซ์ฉวยระบุว่า เฟซบุ๊กเข้าซื้อบริษัทอื่นโดยประมาท ไม่ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ โดยอ้างระยะเวลาเจรจาและการเข้าซื้อที่เกิดขึ้นขณะนั้นว่าใช้เวลาหารือกันเพียงช่วงสุดสัปดาห์เดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ระหว่างค่ายผู้จัดจำหน่ายและพัฒนาเกมชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ เอ็นซีซอฟต์ (NC-Soft) ฟ้องร้องค่ายผู้จัดจำหน่ายเกมเอ็นแมส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (En Masse Entertainment) ของสหรัฐ ที่เป็นผู้นำเกมออนไลน์ชื่อดัง เทร่า (TERA) มาเปิดในสหรัฐ

เอ็นซีซอฟต์ระบุว่า เกมเทร่า พัฒนาโดยกลุ่มบุคคลที่ในขณะนั้นทำงานในสังกัดของบริษัท ก่อนจะลาออกและนำข้อมูลเกมที่พัฒนาอยู่ไปด้วย เช่น ไลเนจ 3 (Lineage III) นำไปก่อตั้งบลูโฮล สตูดิโอ และใช้พัฒนาเป็นเกมเทร่า

ต่อมาศาลเกาหลีใต้ พิพากษาให้บรรดาอดีตพนักงานเหล่านั้น 3 คน มีความผิดฐานขโมยทรัพย์สินของบริษัท เพราะแม้จะเป็นผู้มีส่วนคิดค้น แต่ผลงานย่อมถือเป็นทรัพย์สินของบริษัท  ส่วนเอ็นแมส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ นั้นไม่มีความผิดเพราะเป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐ