ปั้น นักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม สู่แฟรนไชส์คุณภาพ หวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ปั้น นักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม สู่แฟรนไชส์คุณภาพ หวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมกิจกรรม “ยกระดับนักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ปั้น 30 แฟรนไชส์” ปลูกปั้น DIPROM Franchise ครั้งที่ 2 ด้วยการต่อยอดองค์ความรู้พัฒนาเปลี่ยนผ่านธุรกิจเกษตรไปสู่แฟรนไชส์เกษตรที่สามารถขยายต่อยอดอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐาน มีจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศจำนวน 58 ธุรกิจ

โดยผู้ประกอบการเกษตร ที่ผ่านการคัดเลือกส่วนใหญ่มีความตั้งใจจริงที่จะนำองค์ความรู้ไปปรับใช้และต่อยอดให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง กิจกรรมในครั้งนี้ สามารถผลักดันให้เกิดแฟรนไชส์เกษตรอุตสาหกรรมทั้งสิ้น รวมกว่า 50 ธุรกิจ ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

 ดร.วิชัย เจริญธรรมานนท์ วิทยากรผู้สอนหลักสูตร “ยกระดับนักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ปั้น 30 แฟรนไชส์”  ที่มีประสบการณ์คว่ำหวอดในวงการแฟรนไชส์ และ Chain Store มากว่า 30 ปี กล่าวถึงหลักสูตรนี้ว่า มองเห็นความสำคัญของภาคเกษตรของไทย จึงได้ออกแบบหลักสูตรนี้ขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 โดยการผนวกภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไว้ด้วยกัน

หัวใจของหลักสูตรประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน คือ มีเกษตรเป็นพื้นฐาน แปรรูปเกษตร และพัฒนาไปสู่การทำโปรดักต์แฟรนไชส์ สิ่งที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้ คือ นวัตกรรมสินค้า การพัฒนาแปรรูปสินค้าให้โดดเด่นและแตกต่าง คอร์สนี้ได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเข้ามาเรียน

ถึงแม้การเขียน “Manual แฟรนไชส์” หรือคัมภีร์ธุรกิจ จะเขียนยาก แต่ทุกคน มีความตั้งใจและสามารถเขียนได้ ขอชื่นชม ในยุคนี้สินค้าแปลกใหม่เป็นสิ่งที่ทำให้รุกตลาดและได้กลุ่มลูกค้าใหม่ไม่สิ้นสุด ที่สำคัญ คือ อย่าหยุดคิดและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

คุณพัสกร ถิรคุณทยุติกร เจ้าของแฟรนไชส์กล้วยปิ้งลิงเกาะ หนึ่งในผู้สำเร็จหลักสูตร บอกว่า ทำแฟรนไชส์กล้วยปิ้งลิงเกาะมา 5 ปีแล้ว มีแฟรนไชส์รวมกว่า 200 สาขา แต่ยังพบปัญหาเรื่องการผลิต การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ ขาดการจัดการแฟรนไชส์ที่ได้มาตรฐาน หลักสูตรนี้ช่วยเติมเต็มสิ่งที่เราขาด เพราะต้องการให้แฟรนไชส์กล้วยปิ้งลิงเกาะได้มาตรฐานจริง และสามารถอยู่ได้ยาวนาน ดังนั้น จึงต้องการสร้างแบรนด์มากกว่าการได้กำไร

สิ่งที่ได้จากหลักสูตรมาปรับใช้กับธุรกิจคือการดึงข้อดีให้แบรนด์และสร้างคอนเซ็ปต์ให้ชัดเจน ได้ประโยชน์มากจริงๆ ถ้าทำแมน่วล แล้ววางไว้บนหิ้งไม่นำมาใช้จริง ก็ไม่เกิดประโยชน์ อยากให้ผู้ประกอบการ เปิดใจและพร้อมพัฒนาตนเอง แล้วจะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ที่ดีได้

ด้าน คุณสุทธิพจน์ เชื้ออภัยวงศ์ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปส้มโอที่จังหวัดชัยนาท Young Smart Farmer อีกหนึ่งผู้เรียนหลักสูตรที่มีดีกรีจบนอก แต่เห็นคุณค่าของส้มโอ เกษตรท้องถิ่น และอาชีพหลักของครอบครัว จึงฝ่าแรงต้าน รุกทำเกษตรต่อยอดอย่างจริงจัง

“ผมเห็นมีส้มโอที่เสียหายไม่ได้คุณภาพจนต้องเผาทิ้งจำนวนมาก จึงมีแนวคิด Zero Waste คือ แปรรูปเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด โดยไม่ให้เกิดการสูญเสีย ซึ่งปัจจุบันสามารถแปรรูปเป็นสินค้าได้ 9 ชนิด ได้แก่ น้ำส้มโอ เปลือกส้มโอ สเปรย์ส้มโอ โยเกิร์ตส้มโอ แยมส้มโอ ถ่านกันความชื้น ไวน์ส้มโอ ทรายแมวส้มโอ และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จะเปิดตัวเร็วๆ นี้” คุณสุทธิพจน์ กล่าว

และว่า สิ่งที่ได้จากหลักสูตรนำไปใช้ต่อยอดคือ เรื่องจัดการทีมงานเพื่อรองรับการขยายตัว รวมทั้งเรื่องการเงิน และที่สำคัญคือ การบริการ เพราะเมื่อพัฒนาเป็นแฟรนไชส์ ก็ต้องดูแลลูกค้าแฟรนไชส์ ให้สำเร็จไปพร้อมกับเราด้วย อยากบอกคนรุ่นใหม่ ให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง สุดท้ายเมื่อคุณทำแล้วประสบความสำเร็จ จะเกิดความภาคภูมิใจ