โซลาร์รูฟท็อป พลังงานทางเลือก ตัวช่วยธุรกิจ ยุคค่าไฟแพง

โซลาร์รูฟท็อป พลังงานทางเลือก ตัวช่วยธุรกิจ ยุคค่าไฟแพง
โซลาร์รูฟท็อป พลังงานทางเลือก ตัวช่วยธุรกิจ ยุคค่าไฟแพง

โซลาร์รูฟท็อป พลังงานทางเลือก ตัวช่วยธุรกิจ ยุคค่าไฟแพง

“พลังงานไฟฟ้า” จัดเป็นต้นทุนสำคัญอย่างหนึ่งในการประกอบธุรกิจ โดยคิดเป็นราว 4.0% ของต้นทุน ซึ่งปัจจุบันแหล่งเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของไทยมาจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ราว 64% และเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ กว่า 20%

เมื่ออัตราค่าไฟฟ้าได้รับแรงกดดันจากราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลในตลาดโลกที่มีแนวโน้มยืนสูง การลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือโซลาร์รูฟท็อปในภาคธุรกิจ จึงได้รับความสนใจมากขึ้น แม้ราคาแผงโซลาร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาอุปทานวัตถุดิบในตลาดโลก ทำให้ต้นทุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้นราว 7.0%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจในปี 65 น่าจะขยายตัวสู่ระดับ 125.9 เมกะวัตต์ หรือเติบโตราว  54.2% จากปี 64 โดยค่าไฟที่จะประหยัดได้จริงของแต่ละธุรกิจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ ปริมาณการใช้ไฟ เงินลงทุนในการติดตั้งและงบการเงินของกิจการ

สำหรับแรงหนุนของตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจในปี 65 คาดว่า จะมาจากกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนต้นทุนการดำเนินธุรกิจจากค่าไฟที่สูง ทั้งธุรกิจในภาคการผลิต ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมผลิตซีเมนต์และเหล็ก และธุรกิจในภาคบริการ เช่น โกดังสินค้า โรงแรมและค้าปลีกอย่างห้างสรรพสินค้า ที่เน้นให้ความสำคัญกับการประหยัดต้นทุนและความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะกลางถึงยาว

ในขณะที่ผู้ประกอบการโซลาร์รูฟท็อปแข่งขันนำเสนอโมเดลการลงทุนที่จูงใจผู้ประกอบการ ทั้งการช่วยลดภาระจากการลงทุนและบำรุงรักษาโซลาร์รูฟท็อป โดยในระยะข้างหน้า การลงทุนโซลาร์รูฟท็อปน่าจะทวีความสำคัญมากขึ้น จากกระแสการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESG)

รวมถึงแรงผลักดันจากนโยบายภาครัฐในหลายประเทศ รวมถึงไทยที่ตั้งเป้ามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 93 และน่าจะมีการทยอยออกมาตรการผลักดันที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้นตามมา