ปอกวันเป็นพันโล ต่าย-ยิ่ง มีบ้าน มีรถ เพราะขายทุเรียน ปีละ 365 วัน

ปอกวันเป็นพันโล ต่าย-ยิ่ง มีบ้าน มีรถ เพราะขายทุเรียน ปีละ 365 วัน 

ต่ายยิ่งเจริญ คือ กิจการขายทุเรียนคุณภาพคัดพิเศษ ไร้สารเร่งสุก 100% และที่สำคัญ รับประกันความพึงพอใจทุกพู ปัจจุบันมีหน้าร้านแห่งเดียว อยู่ที่ตลาดสดธนบุรี ถนนบรมราชชนนี ซึ่ง เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสสนทนากับเจ้าของกิจการ อัธยาศัยดี แนะนำตัวชื่อ คุณยิ่ง-ภัทรปภา ดาราธิปธนาลัย หุ้นส่วนคนสำคัญอีกท่าน ชื่อ คุณต่าย-เสนาะ รุ่งแสง คู่ชีวิตของเธอเอง

คุณยิ่ง เล่าให้ฟัง พื้นเพเป็นชาวบางกอกน้อย ปัจจุบันอายุ 35 รับบทเป็นแม่ค้าทุเรียน ตั้งแต่อายุ 19 โดยเธอนับเป็นรุ่นที่ 3 ของครอบครัว ที่อยู่ในแวดวงค้าขายผลไม้ชนิดนี้

“คุณปู่ มีสวนทุเรียนอยู่ที่จันทบุรี และรับซื้อจากสวนในละแวก มาขายที่กรุงเทพฯ ขายทุเรียนล้วนๆ ปีละ 365 วัน เป็นทุเรียนที่ตัดจากสวนโดยตรง ก้านยาว มาจากจังหวัดจันทบุรี ส่วนพันธุ์อื่น มาจากสวนทั่วประเทศ” คุณยิ่ง เผยอย่างนั้น

ก่อนฉายภาพการค้าขายทุเรียนในแบบของต่ายยิ่งเจริญ ให้ฟังว่า เมื่อก่อนต้นทุนรับซื้อกิโลละ 35 บาท ได้ทุเรียนเนื้อสวยมาก ปัจจุบันต้นทุนกิโลละ 500 บาท ยังไม่ค่อยสวยเลย อย่างไรก็ตาม จากความพิถีพิถันในการคัดเลือกแต่ทุเรียนคุณภาพมาขาย ทำให้ร้านของเธอ มีลูกค้าประจำไม่น้อย ไม่ว่าจะไปขายที่ไหน ต้องมีลูกค้าตามมาซื้อจากร้านของเธอ

คุณยิ่ง-ภัทรปภา ดาราธิปธนาลัย

“ค้าขายมา 10 กว่าปี ไม่มีวันไหนขายไม่ดี ร้านเราไม่ขึ้นลงตามกระแส ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ เพราะขายดีตลอด ถ้า ต่าย-ยิ่ง มีทุเรียน คือ ลูกค้าแย่งกันซื้อ ลูกค้าเชื่อว่าเรามีความรู้ ความสามารถ รู้จริง ทำจริง ทำมานาน จึงมีลูกค้าติด ซื้อต่อเนื่องยาวนาน หลายคนอุดหนุนกันเป็นสิบปี” คุณยิ่ง บอกอย่างนั้น

เมื่อถามถึง การรับประกันทุกพู คุณยิ่ง อธิบายว่า ลูกค้าทาน ต้องทานได้จริงๆ ทุกคำ ไม่ใช่กินได้คำหนึ่ง คายคำหนึ่ง ที่ผ่านมา หลายคนอาจมีประสบการณ์ซื้อทุเรียนมาแล้วกินได้บ้างไม่ได้บ้าง บางจุดมีแข็ง บางจุดมีนิ่ม ซื้อร้อยหนึ่ง กินได้ 50 บาท แต่ถ้าซื้อจากต่ายยิ่งเจริญ ต้องทานได้จริงๆ ทั้งหมด

แล้วจะการันตีคุณภาพได้ยังไง เพราะทุเรียนบางส่วนก็รับมาจากหลายสวน คุณยิ่ง บอกเสียงดังฟังชัดว่า

“รับมาจากสวนก็จริง แต่เราเป็นคนแกะเนื้อออกมาขาย จึงเห็นว่า ลูกนั้นมีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพยังไง ถ้าลูกค้าเอากลับไปทานแล้วไม่พอใจ สามารถคืนได้ 100%”

แม่ค้าทุเรียนท่านเดิม บอกให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังอีกว่า สินค้าหลักในร้านของเธอ คือ ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว จากจันทบุรี แต่ถ้าหมด ช่วงปลายปีจะขายทุเรียนหมอนทอง จากป่าละอู และที่เน้น ก้านยาว เป็นหลัก เพราะในตลาดมีไม่กี่ร้านที่ขายก้านยาวล้วนๆ แต่มีลูกค้าที่พร้อมจ่าย ส่วนหมอนทองนั้น มีขายทุกตรอกซอกซอย คู่แข่งจึงมีมหาศาลทั่วประเทศ

คุณต่าย กับผลงานปอกวันเป็นพันโล เมื่อครั้งเปิดร้านขายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 22

“ขายก้านยาว กิโลละ 3 พันบาท ตลอดปี ราคาไม่มีขึ้น ไม่มีลง ลูกค้าเป็นกลุ่มค่อนข้างมีกำลังซื้อ และบอกกันต่อปาก ทำให้มีคนอุดหนุนไม่ขาด ส่วน หมอนทอง ขายกิโลละ 2 พัน” คุณยิ่ง บอก

ได้ยินราคาขาย นึกสงสัยทำไมขายราคาสูงขนาดนั้น คุณยิ่ง แจงให้ฟัง เธอรับซื้อจากสวน ที่ไม่ใช่ราคาท้องตลาด สมมติราคาตลาด รับซื้อกิโลละ 80-90 บาท แต่เธอจะซื้อกิโลละ 300 บาท ซึ่งคุณภาพย่อมต่างกัน และไม่ใช้สารเร่งสุก คือ สุกวันไหน ขายวันนั้น

แต่คงมีหลายคนอาจบอก ทุเรียน เหมือนกัน ทำไมราคาต่างกันนัก ประเด็นนี้ คุณยิ่ง บอกกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ แบบจริงจัง

“ไม่เหมือนกันค่ะ ไม่งั้นคงไม่มีรถสปอร์ต รถหรู นั่นก็รถเหมือนกัน แต่ราคาต่างกันลิบลับ ทำไมคันนั้นขายได้ 30 ล้าน ทำไมคันนี้ขายได้ล้านเดียว”

การันตีทุกพู

ถามถึงอุปสรรคในการค้าขายทุเรียนปีละ 365 วัน คุณยิ่ง บอกยิ้มๆ เรื่องเดียวที่หนักใจ คือ ของไม่พอขาย ไม่มีของที่มีคุณภาพพอกับความต้องการของลูกค้า นี่คือจุดที่ยากที่สุดของแต่ละเดือน เดือนที่ยากที่สุด คือเดือนกุมภาพันธ์ เพราะของที่คุณภาพดีจะมีน้อย ขณะที่ปริมาณการสั่งซื้อมีมาก แต่หาซื้อของมาขายไม่ได้

“ธุรกิจนี้ กำไรดี สำหรับคนที่ทำเป็น แต่กำไรจะไม่ได้เลย สำหรับคนที่ทำไม่เป็น ดังนั้น ถ้าไม่มีประสบการณ์ อาจลำบากหน่อย แม่ค้าตามฤดูกาล คือ หมดทุเรียน หันไปขายอย่างอื่น มีเยอะ แต่ขายทุเรียนอย่างเดียวทั้งปีนั้น มีไม่มาก ทุเรียน จึงเป็นลมหายใจ ครอบครัวเรามีเงิน มีทอง มีบ้าน มีรถ ก็จากอาชีพนี้” คุณยิ่ง ทิ้งท้ายอย่างนั้น