ปรากฏการณ์ ข้าวเหนียวมะม่วง ฟีเวอร์ กินอย่างไรให้พอดี แคลอรีไม่เกิน

ปรากฏการณ์ ข้าวเหนียวมะม่วง ฟีเวอร์ กินอย่างไรให้พอดี แคลอรีไม่เกิน
ปรากฏการณ์ ข้าวเหนียวมะม่วง ฟีเวอร์ กินอย่างไรให้พอดี แคลอรีไม่เกิน

ปรากฏการณ์ ข้าวเหนียวมะม่วง ฟีเวอร์ กินอย่างไรให้พอดี แคลอรีไม่เกิน

เกิดปรากฏการณ์ข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์ เมื่อแร็ปเปอร์สาวไทยวัย 19 ปี มิลลิ หรือ มินนี่ ดนุภา ปิดท้ายการแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีระดับโลก Coachella 2022 เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ด้วยการกินข้าวเหนียวมะม่วง ทำให้ผู้ประกอบการหลายร้านขายดีแบบไม่ทันตั้งตัว หมดเร็วกว่าทุกวัน

ยืนยันความฟีเวอร์จาก ไลน์แมน ซึ่งรายงานสถิติ ยอดออร์เดอร์เมนูข้าวเหนียวมะม่วงทั่วประเทศ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โตกว่า 3.5 เท่าภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ หลังจากมิลลิกินข้าวเหนียวมะม่วงโชว์

นอกจากความอร่อยของข้าวเหนียวมะม่วงที่ดึงใจคนไทยและชาวต่างชาติแล้ว รู้หรือไม่ เมนูนี้ยังมากด้วยประโยชน์ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยอินไซต์ ประโยชน์ของข้าวเหนียวมะม่วงไว้อย่างน่าสนใจ

มะม่วงสุก กินแล้วคลายความร้อน ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ซึ่งเนื้อมะม่วงสุกมีวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา ใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย วิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ กะทิยังช่วยให้วิตามินเอและอี จากมะม่วงดูดซึมได้ดีขึ้น

เคล็ดลับการกินข้าวเหนียวมะม่วง 

พลังงานจากอาหารว่างควรอยู่ประมาณ 150-200 กิโลแคลอรีต่อวัน โดย ข้าวเหนียวมูน ไม่เกิน 50 กรัม หรือ 1 ทัพพี ให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี มะม่วงสุก ประมาณครึ่งลูก (ขนาดกลาง) ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี เมื่อรวมกันแล้วเท่ากับ 200 กิโลแคลอรี

แนะนำ ควรกินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว และกินช่วงเวลากลางวัน เพราะร่างกายจะต้องใช้พลังงานทำกิจกรรมต่างๆ

ข้อควรระวัง ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ต้องระมัดระวัง ควรกินมะม่วงสุกแต่น้อย ครั้งละไม่เกิน 1 ผล ขนาดกลาง ใน 1 สัปดาห์ไม่ควรกินเกิน 2 ครั้ง และผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยงกินมะม่วงสุกเพราะมีโพแทสเซียมสูง

อย่างไรก็ตาม ควรกินข้าวเหนียวมะม่วงพอประมาณ ไม่มากหรือบ่อยนัก และควรลดปริมาณอาหารอื่นที่มีส่วนประกอบของไขมัน ลดน้ำตาลลง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดี