12 นิสัยการใช้ชีวิตเล็กๆ ที่สามารถทำให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้น

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สงสัยว่าทำไมเราถึงเก็บเงินไม่ได้ ในแต่ละวันเงินนั้นหายไปไหน? เชื่อหรือไม่ว่าบางครั้งเงินที่หายไปนั้นก็อาจมาจากนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของคุณนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ไม่จำเป็นจริงๆ หรือการซื้อของแพงตามเพื่อนไฮโซของคุณ

คราวนี้ลองมาดู 12 นิสัยเล็กๆ ในการใช้ชีวิตที่สามารถช่วยคุณประหยัดเงินลงได้

1.เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการประหยัดเป็นหน่วยบาท กับประหยัดเป็นหน่วยเปอร์เซ็นต์

คุณอาจต้องรำลึกไว้ว่า การประหยัด 5% ของสินค้าราคา 30,000 นั้นไม่เหมือนกับการประหยัด 5% ของสินค้าราคา 300 ซึ่งสมองของเรามักจะบอกว่ามันเป็นกรณีที่เหมือนๆ กัน ซึ่งเมื่อเราเจอดีลพวกนี้ เราอาจต้องใช้เวลาตรึกตรองให้ถ้วนถี่ว่าดีลที่ได้มานั้นคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ และหลายครั้งจะทำให้เราตัดสินใจไปซื้อของที่ราคาถูกกว่าในคุณภาพที่เท่าๆ กัน

2.บางครั้ง DIY ก็ไม่ใช่งานยาก

การได้ลองทำอะไรด้วยตัวเองนอกจากจะทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และภาคภูมิใจในตัวเองเมื่อทำมันสำเร็จแล้ว หลายอย่างก็ยังช่วยให้เราเพลิดเพลินใจและถือเป็นการออกกำลังกายได้อีกด้วย แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของเราได้อีก โดยกิจกรรม DIY ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ การประปาขั้นพื้นฐาน, การทาสีภายในบ้าน, งานเย็บปักถักร้อยอย่างซ่อมแซมเสื้อผ้า, อบขนม, ปรุงอาหาร หรือตัดแต่งต้นไม้ในสวน เป็นต้น

3.ฝึกการอดทนรอคอย

เวลาไปช็อปปิ้ง แน่นอนว่าเมื่อคุณเจอของถูกใจ คุณก็อยากจะซื้อมันซะเดี๋ยวนั้น แต่สิ่งที่คุณต้องฝึกคือ อย่าเพิ่งซื้อ! ให้เล็งเป้าหมายไว้ก่อน แล้วค่อยเดินกลับมาดูในอีกหลายชั่วโมงต่อมา, 1 วันต่อมา, และหลายวันต่อมา และกลับไปคิดว่าหากซื้อไปแล้วภายในไม่กี่เดือน หรือภายใน 1 ปีหรือหลายปี คุณจะไม่เบื่อมันใช่หรือไม่ หากได้คำตอบแล้วค่อยตัดสินใจ

4.คิดคำนวณเลขสักนิดเมื่อกำลังช็อปปิ้ง

เวลาที่คุณออกไปซื้อของข้างนอก คุณลองพยายามคำนวณดูว่า หากคุณไม่ต้องเสียเงินก้อนนี้ไป ภายใน 5 ปีเงินก้อนนี้จะงอกเงยออกมาเท่าไหร่ ซึ่งจริงๆ แล้วคุณอาจพบว่า ดอกผลที่ได้จากเงินก้อนดังกล่าวคุณอาจเอาไปซื้อของอื่นๆ ที่คุณอยากได้ด้วยก็ได้

5.อย่าใช้เงินเกินฐานะ

คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไปกับเพื่อน เพื่อทำกิจกรรมสุดฟุ่มเฟือยที่คุณเองก็ไม่เอ็นจอยกับมันจริงๆ อย่างเช่นคุณชอบเล่นสกี แต่ช่วงคริสต์มาสเพื่อนคุณชวนไปสกีที่รีสอร์ตแพงๆ ทุกอาทิตย์ คุณก็อาจจะไปในรีสอร์ตที่ถูกกว่า และไปในจำนวนวันที่น้อยกว่าก็พอแล้ว เป็นต้น

6.ติดตามการใช้เงินของตัวเองและตั้งค่าการชำระเงินแบบอัตโนมัติ

หลายคนที่ใช้การทำธุรกรรมทางออนไลน์แบงกิ้ง ก็อย่าลืมคอยตรวจสอบเงินทุกๆ บัญชีอยู่สม่ำเสมอ และอาจสมัครใช้บริการ SMS แจ้งเตือน นอกจากนี้หลายธนาคารโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกายังสามารถตั้งการชำระเงินแบบอัตโนมัติ ที่ฟรีและยังช่วยประหยัดเวลาการไปจ่ายบิลด้วยตัวเองอีกด้วย

7.ทำอาหารกินเอง

เชื่อหรือไม่ว่าการทำอาหารกินเองนั้นช่วยประหยัดค่าอาหารลงได้ แถมยังสะอาดและปลอดภัย เพราะคุณเป็นคนเลือกวัตถุดิบและปรุงเองทุกขั้นตอน เพียงแต่คุณอาจจะต้องตื่นเช้าขึ้นอีกนิดเพื่อมาทำอาหารแค่นั้น

8.รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะลงทุนซื้อของมีคุณภาพ

ถึงแม้จะอยากประหยัด แต่คุณก็ไม่ควรประหยัดในสิ่งของที่คุณจะต้องใช้มันบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่จะช่วยสร้างประสิทธิภาพหรือความคิดสร้างสรรค์ให้กับคุณได้ เช่น คอมพิวเตอร์, เตียงนอน, เก้าอี้ทำงาน เป็นต้น เพราะบางครั้งของราคาแพงแต่มีคุณภาพ ใช้ได้ยาวนาน ก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

9.จ่ายเท่าที่คุณมีเท่านั้น

ทำตัวให้เสมือนว่าคุณมีแค่บัตรเดบิต และใช้เงินแค่เท่าที่มีในนั้น เพราะการใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ระมัดระวังนั้นจะทำให้คุณใช้เงินเกิน เป็นการดึงเอาเงินในอนาคตมาใช้ พอถึงสิ้นเดือนที่เงินเดือนออก คุณก็ต้องเอาเงินเดือนไปจ่ายบัตรเครดิตเสียหมดจนไม่เหลือเงินไว้กินอะไรได้

10.งดเที่ยวกลางคืนเสียบ้าง

หลายคนบอกว่าตอนเรียนก็ไม่กล้าเที่ยวเยอะ เพราะยังใช้เงินพ่อแม่อยู่ พอเรียนจบมาก็อยากจะมีประสบการณ์ปาร์ตี้หรือใช้ชีวิตหลังเที่ยงคืนกับเครื่องดื่มที่ตัวเองไม่เคยลองบ้าง แต่เชื่อเถอะว่ามันอาจไม่ได้สร้างประสบการณ์ที่จำเป็น หรือสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นในวงสังคมได้ ดังนั้นลองลดการเที่ยวกลางคืนดูบ้างก็จะช่วยประหยัดเงินคุณได้ดีเลย

11.จะซื้ออะไร ใช้กฎ “5 คำถาม”

ก่อนจะซื้ออะไรแนะนำว่าอย่าผลีผลาม ลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนซัก 5 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องการหรือจำเป็น? 2.จำเป็นจริงๆ หรือ? 3.จะเห็นตัวเองใช้มันแน่ๆ ใช่ไหม? 4.ใช้บ่อยแค่ไหน? และ 5.มันคุ้มค่าหรือไม่? ค่อยๆ ใช้เวลาคิดและตอบคำถามอย่างถ้วนถี่ เชื่อว่าจะช่วยคุณประหยัดเงินได้แน่นอน

12.มีความสุขกับของที่คุณมีอยู่แล้ว

บางครั้งของที่คุณอยากได้ใหม่มันก็ยังใช้งานได้ดี เพราะคุณแค่อยากได้รุ่นใหม่เท่านั้น ดังนั้นหากลองปรับใจให้ตัวเองให้มีความสุขกับของที่มีอยู่ คุณอาจไม่ต้องเสียเงินซื้อของชิ้นใหม่ก็ได้


ที่มา : ประชาชาติฯออนไลน์ แปลและเรียบเรียงจาก www.businessinsider.com