ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
จับตา โอกาส-ผลกระทบ จาก สงครามรัสเซีย–ยูเครน ต่อการส่งออกสินค้าของไทย
เว็บไซต์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยข้อมูล การปรับประมาณการส่งออกของไทยปี 2565 จาก 4.3% มาอยู่ที่ 3.4% จากความท้าทายของวิกฤตรัสเซีย–ยูเครน
โดยแรงหนุนการส่งออกของไทยล้วนมาจากราคาสินค้าในกลุ่มปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน สินค้าเกษตร และสินค้าจำเป็น อาทิ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ผลไม้และอาหารทะเล
ทั้งนี้ การส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (ไม่รวมอังกฤษ) เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตต่ำสุดในบรรดาตลาดส่งออกหลักของไทย อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาระหว่างรัสเซีย–ยูเครนมีข้อตกลงเร็วกว่าคาดอาจช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัวสูงขึ้นที่ 3.7%
นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามการแพร่ระบาดของโควิดในจีนที่หากขยายวงกว้างออกไปก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่กระทบการส่งออกของไทย
ทั้งนี้ จากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ กับพันธมิตรทำให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการห้ามส่งออกสินค้าสำคัญ 200 รายการจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งสินค้าบางรายการเป็นสินค้าขั้นกลางน้ำ–ปลายน้ำ ทำให้การผลิตที่พึ่งพาสินค้าจากรัสเซียอาจสะดุดและมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
และหากชาติตะวันตกยกระดับการคว่ำบาตรก็มีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะห้ามส่งออกแร่ธาตุสำคัญที่เป็นหัวใจการผลิตในหลายอุตสาหกรรม อาทิ แร่เหล็ก อะลูมิเนียม นิกเกิ้ล โดยเฉพาะแร่พาลาเดียมที่เป็นแร่สำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรัสซียเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก
พร้อมจับตาผลกระทบจาก สงครามรัสเซีย–ยูเครน ต่อการส่งออกของไทย ดังนี้
1) ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจรัสเซียและยูเครนในปีนี้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ไทยจะสูญเสียโอกาสส่งออกสินค้าไปทั้ง 2 ประเทศรวมเป็นมูลค่าราว 600-800 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 0.2-0.3% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย
2) ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรชะลอตัวลงจากปัญหาเงินเฟ้อจากอุปทานตึงตัว กระทบความต้องการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยจากไทยซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของการส่งออกไปยุโรป ขณะที่สินค้าจำเป็นยังมีโอกาสเติบโต
3) การซ้ำเติมปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ปัจจัยการผลิตต้นน้ำ–กลางน้ำที่รัสเซียเป็นผู้ผลิตที่สำคัญของโลก ทำให้ประเทศที่มีห่วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงกับรัสเซียต้องรับต้นทุนที่สูงขึ้นหรือเผชิญปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ซึ่งอาจทำให้การนำเข้าของไทยเร่งตัวสูงขึ้น และมีโอกาสที่ไทยจะขาดดุลการค้ากับต่างประเทศครั้งแรกในรอบ 9 ปี