เด็กหญิง 11 ขวบบรรยายความรู้สึกถึงในหลวง ร.9 ผ่านภาพวาด ขอบพระคุณที่พระองค์รักและห่วงใยประชาชน

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 86 การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศล เป็นวันที่ 32


โดยในวันนี้ มีกระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วยกรมควบคุมโรค, กรมอนามัย,กรมสุขภาพจิต, สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, เขตสุขภาพที่ 9, เขตสุภาพที่ 10, เขตสุขภาพที่ 11, เขตสุขภาพที่ 12, และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานรัฐมนตรี, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, สถาบันยานยนต์, สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, ชาวจังหวัดนครราชสีมา, กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่, สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย, สถาบันไทย-เยอรมัน, สถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย, สถาบันพลาสติก ร่วมเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เวลา 07.04 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯมายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมโกศ พระบรมศพ ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร จากนั้นทรงประเคนภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดอนงคารามวรวิหาร และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 6 ม.ค. การนี้ คุณพลอยไพลิน เจนเซน ร่วมในการพระราชพิธีด้วย โดยมีกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 เขตสุภาพที่ 10 เขตสุขภาพที่ 11 เขตสุขภาพที่ 12 เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ

เวลา 10.30 น. นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานมาตรฐานผลัตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบสักการะ มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทกข์สุภาพเรียบร้อยมาต่อคิวเข้าแถวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้ามืด โดยเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่เวลา 04.50 น. ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนจะได้รับแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

ด.ญ.ณภัทรกมล ช่างต่อ อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนพวงคราม ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กล่าวว่า เดินทางมากับแม่ซึ่งเป็นครูพร้อมเพื่อนๆ แม่รวม 11 คน และพอรู้ว่าแม่จะพามากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ตนจึงเริ่มวาดภาพในหลวง เพื่อบรรยายถึงความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ และโครงการในพระราชดำริที่พระองค์ทรงจัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชน

“ในภาพบรรยายถึงความรู้สึกที่อยากขอบพระคุณในหลวง ร.9 ที่อยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือประชาชน ความรักที่มีต่อพระองค์รักโดยไม่มีข้อแม้ รักที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถที่ทรงมีโครงการต่างๆมาช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน และขอขอบพระคุณที่พระองค์รักและห่วงใยประชาชนตลอดมา หนู่อยากรับเสด็จฯในหลวง ร.9 แต่ไม่มีโอกาสเพราะพ่อและแม่งานยุ่งไม่มีเวลาพามารับเสด็จฯ รู้สึกเสียดาย และเสียใจมากร้องไห้เมื่อทราบว่าพระองค์เสด็จสวรรคต  รู้สึกช็อคไม่คิดว่าจะถึงวันนี้เร็ว เพราะพระองค์เคยรับสั่งไว้ว่าจะอยู่จนอายุครบ 120 ปี” ด.ญ.ณภัทรกมล กล่าว

ด.ญ.ณภัทรกมล กล่าวด้วยว่า หนูจะนำคำสอนเรื่องความพอเพียงมาปฏิบัติ โดยที่บ้านปลูกผักกินเอง ทำความดี มีจิตอาสา ก็ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น เก็บขยะรอบโรงเรียน ทำบุญข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ที่ท่านส่งไปให้ทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหนูก็จะขยันเรียนเพื่อเป็นสถาปนิก ถ้ามีรายได้ส่วนหนึ่งก็แบ่งให้พ่อแม่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อตนเอง และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปช่วยเหลือคนยากจน

นางทัน ช่อมะลิ อายุ 77 ปี อาชีพเกษตรกร พสกนิกรจาก จ.สุรินทร์ เดินทางมาพร้อมลูกสาวและญาติ เปิดเผยหลังกราบสักการะพระบรมศพว่า ตื้นตันใจมากๆ ที่ได้มากราบสักการะใกล้ๆ เราคนไทยก็ต้องมาให้ได้ ขนาดคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ หรือคนต่างชาติที่เคารพรักพระองค์ท่านก็ยังมาเลย เพราะส่ิงที่พระองค์ทรงทำในการช่วยเหลือคนมาตลอดพระชนม์ชีพได้แซ่ซ้องไปไกลทั่วโลก ส่วนตัวได้น้อมนำปรัชญาที่ในหลวง ร.9 ทรงชี้แนะให้กับคนไทยมาใช้ โดยปลูกข้าว ปลูกผักและผลไม้ต่างๆ ไว้กินไว้ใช้ในครัวเรือน โดยข้าวเปลือกพระราชทานที่ได้รับจะนำไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป

ด.ต.สายัณห์ และนางศศิธร เงินถาวร ซึ่งตั้งใจพาลูกชายสองคน ได้แก่ ด.ช.ศิวกร เงินถาวร อายุ 12 ปี และ ด.ช.กฤติธี เงินถาวร อายุ 10 ปี เดินทางจาก จ.ชุมพร มากราบสักการะพระบรมศพ

นางศศิธร เงินถาวร อายุ 43 ปี อาชีพพนักงานประจำโรงพยาบาลชุมพร เล่าทั้งน้ำตาว่า ตอนที่ทราบข่าวว่า ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตนั้น รู้สึกเสียใจและใจหายเช่นเดียวกับพสกนิกรชาวไทยทุกคน ซึ่งตัวเองตั้งใจว่าจะพาลูกๆ มากราบพระบรมศพสักครั้งหนึ่งในชีวิต อยากให้ลูกๆ ซึมซับว่า พวกเขาเกิดในแผ่นดินกษัตริย์รัชกาลที่ 9 ที่ทรงห่วงใยดูแลพสกนิกรอย่างล้นเหลือ ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเองเป็นคน จ.ชุมพร ที่เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่เกิดภัยพิบัติพายุเกย์ เมื่อปี 2540 ในหลวง ร.9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมและช่วยเหลือราษฎรที่เดือดร้อนจากเหตุการครั้งนั้น ที่โรงพยาบาลชุมพร ซึ่งตัวเองก็มีโอกาสได้รับเฝ้าฯ รับเสด็จด้วย หลังจากนั้นทำให้มีโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร (โครงการแก้มลิง) ซึ่งสามารถช่วยให้น้ำไม่ท่วม นอกจากนี้ยังกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งได้มาจนถึงวันนี้

ขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก ด.ช.กฤติธี เงินถาวร เล่าด้วยว่า คุณพ่อคุณแม่ชอบพาไปเที่ยวโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายครั้ง อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร และโครงการชั่งหัวมันตามพระดำริ จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น ทำให้รู้ว่าทรงทำงานเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือประชาชนหลายอย่าง และที่มาในวันนี้ถึงจะต้องตื่นแต่ดึก ทำให้ง่วงนอนมากแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะได้นอนหนุนตักพ่อสบายดี อีกทั้งตอนที่ได้ขึ้นไปกราบหน้าพระบรมศพยิ่งรู้สึกตื้นตันใจและมีความสุข

นายธวัชไชย ลิ้มสุวรรณ อายุ 55 ปี อาจารย์จากแผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ใช้โอกาสในช่วงวันหยุดเดินทางจากจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยภรรยา นางเนาวรัตน์ ลิ้มสุวรรณ และลูกสาว 2 คนซึ่งอาศัยอยู่ย่านพระราม 9 มากราบสักการะพระบรมศพ เผยว่า ตนเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของ รศ.ดร.สุธี อักษรกิตติ์ ผู้สนองพระราชดำริในโครงการระบบสื่อสารสายอากาศและอิเล็กทรอนิกส์ ในหลวง ร.9 ทรงเป็นต้นแบบของการเป็นนักประดิษฐ์ นักวิจัย สิ่งที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ส่วนมากเป็นสิ่งที่ง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนแต่มีประโยชน์มาก อย่างกังหันชัยพัฒนา ที่ไม่ได้มีแนวคิดซับซ้อนแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครนึกถึง ในหลวง รัชกาลที่ 9 จึงทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองทั้งในเรื่องของการทำงานและการสอนลูกศิษย์ให้เป็นนักคิด นักพัฒนา

“ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ จึงอยากเดินทางมากราบสักการะพระศพสักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยได้ขอให้บารมีของพระองค์ช่วยปกป้องคุ้มครองประเทศไทย และทรงดลบันดาลใจให้ตนและครอบครัวคิดและทำในสิ่งที่ดีนำไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข อย่างที่พระองค์ทรงตั้งปณิธานและทุ่มเทพระวรกายทรงงาน ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและดูแลทุกข์สุขของชาวไทยเรื่อยมา” นายธวัชไชย กล่าว

ขณะที่ นางสุกัญญา คล้ายแก้ว อายุ 65 ปี ชาวดาวคะนอง เขตจอมทอง กทม. อดีตพนักงานการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า วันนี้วันหยุดลูกสาวจึงพาตนและสามากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 รู้สึกรักในทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ปูพื้นฐานให้กับประเทศและคนไทย ก็อยากให้คนไทยเจริญรอยตามพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกบ้าน ทั้งเรื่องความซื่อสัตย์ ขยันอดทน โดยเฉพาะในเรื่องการใช้จ่ายอย่างประหยัด ตนได้ยึดมั่นในคำสอนของพระองค์ในเรื่องความซื่อสัตย์ ป้าทำงานเกี่ยวกับบัญชีเงินเดือนพนักงานการไฟฟ้าฯไม่เคยทุจริต ตรงไปตรงมา การใช้จ่ายของป้าเองก็รู้จักประหยัดใช้ของให้คุ้มค่า เช่น รองเท้าพังนิดหน่อยก็เอาไปซ่อมใช้ต่อได้

นางสุกัญญา กล่าวต่อว่า ในหลวง ร.9 ทรงมีโครงการในพระราชดำริช่วยเหลือประชาชนเยอะมาก ซึ่งในย่านดาวคะนองก่อนนี้น้ำจะท่วมประจำ แต่หลังจากที่มีโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก็ช่วยให้น้ำไม่ท่วม รวมถึงการสร้างสะพานภูมิพล ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ทำให้แก้ปัญหารถติดในย่านนั้นได้มาก และโครงการกังหันน้ำชัยพัฒนาช่วยบำบัดน้ำเน่าเสียในแหล่งน้ำให้กลับมาใช้ได้ และโครงการหลวงต่างๆที่ช่วยให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นหันมาปลูกผักผลไม้แทน ซึ่งวันนี้เราไม่มีในหลวง ร.9 แล้ว ก็อยากให้คนไทยสามัคคีกัน ช่วยเหลือกันแบบนี้ มีน้ำใจให้อภัยกัน เพราะพระองค์ท่านก็คงอยากเห็น ไม่เช่นนั้นประเทศก็เดินต่อไปไม่ได้

ส่วนที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

โดยแบ่งเป็นมื้อเช้าเวลา 07.00 น. ประกอบด้วย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง 1,500 ชุด,กาแฟสด 2,500 แก้ว, นมหนองโพ 2,000 กล่อง, มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น. ประกอบด้วย ราดหน้าเฉาเหมี่ยนไก่ 1,000 ชาม, ข้าวอบเบอรี่ไก่ทอดซอสเสาวรส 1,000 จาน ข้าวผัดพริกไทยดำราดข้าว 1,000 จาน, ข้าวมันไก่ทอด 1,000 จาน,ผัดหมี่โบารณ 1,000 ชาม,ข้าวไข่พะโล้และกุนเชียง 2,000 จาน

มื้อบ่าย 16.00 น. ประกอบด้วย ขนมไทย 1,000 กล่อง, ซาลาเปา 1,000 ลูก,เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง และมื้อเย็นเวลา 18.00 น. ประกอบด้วย กระเพราะปลาน้ำแดง 3,000 ถ้วย ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มสมุนไพร 700 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน