จะดีกว่าไหม ถ้ามีสิ่งใด สามารถ “พูดแทนใจ” เมื่อใกล้ถึงวัน ไม่อาจยื้อชีวิต

จะดีกว่าไหม ถ้ามีสิ่งใด สามารถ “พูดแทนใจ” เมื่อใกล้ถึงวัน ไม่อาจยื้อชีวิต

รศ.ดร.สุชิรา ชัยวิบูลย์ธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล และอาจารย์พยาบาลสาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในฐานะผู้ริเริ่มการเรียนการสอนรายวิชาออนไลน์ “การพยาบาลแบบประคับประคอง” เพื่อการ Upskill – Reskill พยาบาลวิชาชีพทาง MUx ว่า

แม้ว่าประเทศไทย จะมีการประกาศใช้มาตรา 12 ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อให้บุคคลสามารถแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ขอจากไปตามธรรมชาติโดยไม่ประสงค์จะยืดความตายออกไป

อีกทั้ง สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ประกาศ เรื่อง มาตรฐานการวางแผนการดูแลล่วงหน้าสำหรับประเทศไทย (Thai Standards for advance care planning) พ.ศ. 2565 เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว แต่คนไทยส่วนใหญ่ ยังคงไม่ทราบถึงมาตรฐานสิทธิในการวางแผนจัดการชีวิตตัวเองล่วงหน้าดังกล่าว

ซึ่งประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการสอบถามความคิดเห็นไปยังสภาวิชาชีพต่างๆ รวมทั้งสภาการพยาบาล โดย รศ.ดร.สุชิรา ได้เป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการดำเนินงานเกี่ยวกับการวางแผนการดูแลล่วงหน้าของสภาการพยาบาล ซึ่งการตัดสินใจเลือกแนวทางในการดูแลตัวเองล่วงหน้า สามารถทำได้ทั้งภายใน และนอกโรงพยาบาล

โดยผู้ทำแผนการดูแลล่วงหน้า สามารถทำได้ด้วยตนเอง หากมีผู้ร่วมทำแผนด้วย ควรระบุชื่อผู้ที่ร่วมทำ หากทำในโรงพยาบาล จะต้องมีการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้ป่วย ญาติ และแพทย์ผู้ให้การรักษา

ข้อดี คือ จะทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสม บรรเทาอาการเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เพิ่มความสุขสบาย และครอบครัวจะได้รับการดูแลต่อเนื่อง แม้ผู้ป่วยจากไปแล้ว เพื่อช่วยให้ปรับตัวได้จากการสูญเสีย อีกทั้งช่วยลดงบประมาณ ที่จะต้องเตรียมการสำหรับค่าใช้จ่ายในการรับการรักษาที่เกินความจำเป็น หากแต่จะยืดระยะเวลาทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยให้เนิ่นนานออกไป ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยไม่ต้องการ

“จริงๆ แล้ว อยากให้คนไทยทุกคนใส่ใจเรื่อง advance care plan ซึ่งไม่จำเป็นเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือผู้สูงวัย แต่ทุกคนสามารถทำได้ตอนยังมีสุขภาพดี ซึ่งการวางแผนการดูแลล่วงหน้าสามารถปรับเปลี่ยนในภายหลังได้ตามความเหมาะสม โดยจะมีการดำเนินการตามการวางแผนล่าสุด” รศ.ดร.สุชิรา กล่าว

สำหรับหลักการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ที่เลือกดูแลตัวเองที่บ้าน รศ.ดร.สุชิรา กล่าวแนะนำว่า ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ที่ผู้ป่วยจะได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัว และบุคคลที่รัก ตลอดจนได้ทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจก่อนจากโลกนี้ไปด้วย ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ จึงควรเลือกวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความสงบ และสบายใจให้มากที่สุด

ส่วนรายวิชา “การพยาบาลแบบประคับประคอง” ที่โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ ได้จัดขึ้นเพื่อการ Upskill-Reskill พยาบาลวิชาชีพ ทาง MUx นี้ เป็นการจัดอบรมออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมรับ e-certificate เมื่อผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยเน้นที่การสื่อสาร เพื่อการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง และการสื่อสารกับญาติ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะแห่งความเศร้าโศก และสูญเสีย

ซึ่งพยาบาลผู้ทำหน้าที่ดูแล ควรได้รับการฝึกทักษะเฉพาะด้านเพื่อการจัดการที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งควรศึกษากฎหมายและจริยธรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวปฏิบัติที่ควรทราบต่างๆ ติดตามรายละเอียดและสมัครได้ทาง https://mux.mahidol.ac.th