ปัญหาเด็กติดเกม ที่ว่ารุนแรงและเรื้อรังแล้ว เมตาเวิร์ส อาจจะหนักกว่า

ปัญหาเด็กติดเกม ที่ว่ารุนแรงและเรื้อรังแล้ว เมตาเวิร์ส อาจจะหนักกว่า

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหาเด็กติดเกมที่ว่ารุนแรงและเรื้อรังแล้ว เมื่อเข้าสู่ยุคเมตาเวิร์ส ที่สามารถทำให้ผู้คนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงได้อย่างเต็มตัวแล้ว ยิ่งพบว่าจะทวีความรุนแรงได้มากกว่า

ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ ผลกระทบต่อสุขภาวะจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนทางอารมณ์ (stress hormone) ที่ยิ่งจะทำให้เด็ก และกลุ่มเปราะบางเกิดความก้าวร้าว หรือซึมเศร้า ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม จากการเสพติดเกมหรือเชื่อมต่อสังคมในเมตาเวิร์สโดยขาดการควบคุมดูแลที่เหมาะสม

ซึ่ง “พฤติกรรม” เกิดจากการทำงานของสมอง ที่นำมาซึ่งประสบการณ์ ความทรงจำ และทัศนคติ สามารถส่งเสริมให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์และเกิดความสมดุล เช่น การเล่านิทานโดยใช้สื่อดิจิทัลแต่เพียงเป็นส่วนประกอบ ไม่ควรปล่อยให้เด็กเรียนรู้แต่เพียงลำพัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กควรมีพ่อแม่ หรือผู้ปกครองคอยเล่าให้ฟัง และพูดคุยกับเด็กด้วย

รศ.นพ.อดิศักดิ์ แนะนำว่า การออกแบบเมตาเวิร์ส ควรสร้างขึ้นด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อสังคม เช่นเดียวกับการออกแบบโรงงานอุตสาหกรรม ที่จะต้องมีการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพก่อนทุกครั้ง

ดังนั้น เพื่อการเติบโตทางเทคโนโลยีที่สมดุล ทุกฝ่ายจะต้องร่วมด้วยช่วยกันในการออกแบบระบบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้บริโภค พ่อแม่ผู้ดูแล รวมทั้งเด็กๆ ที่เป็นผู้ใช้ จะต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน มีเป้าหมายที่สร้างสรรค์ และอยู่ภายใต้กรอบแห่งความรับผิดชอบร่วมกัน

ในปี 2565 สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมใช้เทคโนโลยีเมตาเวิร์ส เป็นตัวช่วยประกอบการสร้าง “ศูนย์ฝึกการดูแลเด็กเสมือนจริง” สำหรับพ่อแม่มือใหม่ ผู้ดูแลเด็ก คุณครู หรือผู้ส่งเสริมการเรียนรู้เด็กทุกประเภท รวมทั้งเยาวชน ในด้านการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ พร้อมกับการเรียนรู้ผลกระทบ และการส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดการใช้ให้ถูกวิธี

สำหรับการใช้เทคโนโลยีไอทีในเด็กและเยาวชนนั้น รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่ควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการสร้างสิ่งแวดล้อม หรือระบบนิเวศที่ปลอดภัยในการใช้ไอที สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี และเด็กที่อายุมากกว่า 13 ปีต้องให้ข้อมูลทั้งทางบวกและทางลบโดยไม่ปิดบังและสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะให้เด็กโตกลุ่มนี้สามารถใช้ไอทีด้วยความรับผิดชอบ

โดยได้มีการปรับปรุงพื้นที่ ณ บริเวณชั้น 3 ของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ให้เป็น “ศูนย์ฝึกการดูแลเด็กเสมือนจริง” ซึ่งจะมีการใช้ Virtual Reality – VR หรือ เทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริงแบบ 360 องศา ด้วยแว่นตา VR และ Augmented Reality – AR หรือ เทคโนโลยีการผสานโลกเสมือนจริงให้เข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ มาประกอบเพื่อการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์ต่อไป

รวมทั้งการเรียนรู้เรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีผิดวิธีควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ดูแลเด็กทุกประเภทได้เห็นประโยชน์และโทษของความเจริญทางเทคโนโลยีและประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงดูเด็กต่อไปด้วย