ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก ยังไปได้อีกยาวๆ ใครคิดลงทุน ต้องคำนึง 2 ปัจจัยสำคัญ
คุณอมร อำไพรุ่งเรือง ผู้ชำนาญการด้านแฟรนไชส์ ให้สัมภาษณ์ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ว่า 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านสะดวกซัก เติบโตมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ แต่จำนวนร้านมีไม่มากแค่หลักพัน ซึ่งถือว่าน้อยมากแต่เมื่อเทียบกับร้านสะดวกซื้อ เยอะมากเลย ฉะนั้น จึงเชื่อว่า แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก ยังไปได้อีกยาวๆ
“ร้านสะดวกซัก มีการลงทุนตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนต้นๆ ไปจนถึงหลักล้าน ส่วนตัวมองว่าธุรกิจนี้ ในตลาดยังไม่มีใครโดดเด่น แต่ถ้าใครคิดจะทำเองโดยไม่ซื้อแฟรนไชส์ ก็ย่อมได้ เพราะหัวใจหลักของร้านสะดวกซัก มีอยู่ไม่กี่ประเด็น คือ สมรรถนะของเครื่องซักผ้า วิธีการ คุณภาพ และ บริการ ที่ปัจจุบันแต่ละแบรนด์ ยังไม่มีความแตกต่างกันมากนัก” คุณอมร บอก
และว่า ในส่วนของการบริการ นับเป็นจุดที่ทำให้ ร้านสะดวกซัก มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งแต่ละแบรนด์ ต่างพยายามทำออกมา เช่น นั่งรอผ้าซักแล้วมีกาแฟทาน มีหนังให้ดู มีที่พักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ ดังนั้น ใครที่อยากลงทุน แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก ต้องพิจารณาว่าแต่ละแบรนด์ มี “เซอร์วิสพลัส” อะไรบ้าง
“อีกประเด็น ที่ละเลยไม่ได้ สำหรับผู้ต้องการลงทุนทำแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก คือ เรื่องของทำเลที่ตั้ง ถ้าบริเวณโดยรอบเป็นหมู่บ้านพื้นราบ ไม่ใช่ใจกลางเมือง ซึ่งส่วนใหญ่มีเครื่องซักผ้าอยู่แล้ว น่าจะเป็นทำเลที่ไม่เหมาะนัก เพราะทำเลที่ดีสำหรับร้านสะดวกซัก คือ ย่านที่พักแนวสูง พวก อพาร์ตเมนต์ และ คอนโดมิเนียม” คุณอมร กล่าว
ก่อนฝากหลักคิด สำหรับผู้กำลังต้องการลงทุนแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจกลุ่มใดก็ตาม ว่า เริ่มต้นจากการศึกษาเทรนด์ธุรกิจแต่ละตัวว่าไปได้ หรือไม่ได้ อย่างไร จากนั้นให้พิจารณา องค์ประกอบภายในของแฟรนไชซอร์ ที่ต้องการจะเข้าไปลงทุน ซื้อสินค้าหรือบริการจากเขา
“สิ่งแรก คือ ต้องศึกษาดูใจกันก่อน แฟรนไชซอร์กับตัวเรา จะไปกันได้มั้ย บริษัทของเขาเป็นยังไง เขาสนับสนุนเรามากน้อยแค่ไหน มีแนวการทำธุรกิจยังไง ที่ผ่านมา มีหลายแฟรนไชซอร์ ขายแล้วไม่ดูแล ฉะนั้น ต้องศึกษาแฟรนไชซอร์ ให้หนักและรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนกับเขา” คุณอมร บอก เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ อย่างนั้น
และว่า การซื้อแฟรนไชส์ ก็คือการซื้อ โนว์ฮาว จากแฟรนไชซอร์ เพื่อมาทำต่อ ฉะนั้น ควรพิจารณา โนว์ฮาว ว่า ตกผลึกพอที่จะทำธุรกิจให้สำเร็จได้หรือไม่ มีคู่มือการทำงาน มีพี่เลี้ยง มีระบบสนับสนุน โนว์ฮาว หรือเปล่า มีการทำการตลาด สม่ำเสมอ แค่ไหน มีโปรโมชั่น ออกสินค้าใหม่ๆ บ้างมั้ย และที่สำคัญ ต้องพิจารณา เรื่องการเงิน ที่ต้องได้ประโยชน์ 3 ฝ่าย คือ ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด แฟรนไชซี และ แฟรนไชซอร์ ต้องมีกำไร มาแบ่งกัน