เงินบาททรงตัว หลังปริมาณการซื้อขายในตลาดเบาบางช่วงใกล้ปีใหม่

ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2559 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.98/99 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (28 /12) ที่ระดับ 36.02/04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงหลังจากเมื่อคืนวันพุธ (28/12) ทางสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายปรับตัวลดลง 2.5% ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับการปรับเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนตุลาคม โดยจำนวนยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพฤศจิกายนปรับตัวลดลง เนื่องจากอุปทานบ้านที่อ่อนตัวลง และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูงขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจไทย นายกฤษฎาจีนะ วิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงสองเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม-พฤศจิกายน) 2559 จัดเก็บได้ 369,966 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 19,734 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.5 โดยมีสาเหตุจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจร่วมกับหน่วยงานอื่น และการจัดเก็บภาษีน้ำมันสูงกว่าประมาณการ 11 ล้านบาท และ 1,449 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.5 และ 4.9 ตามลำดับ ทั้งนี้ ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอย่างผันผวนระหว่าง 35.95-36.01 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะแข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนปิดตลาดที่ระดับ 35.95/96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้ (29/12) เปิดตลาดที่ระดับ 1.0430/31 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดในวันพุธ (28/12) ที่ระดับ 1.0438/40 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยค่าเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าลงเนื่องจากการแข่งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนอกจากนี้ค่าเงินยูโรยังได้รับแรงกดดัน หลังจากกลุ่มผู้บริหารในภาคธุรกิจของอังกฤษออกมาเรียกร้องให้บรรดาซีอีโอของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปช่วยกันกดดันรัฐบาลให้เปิดเสรีทางการค้ากับประเทศอังกฤษ ภายหลังจากที่ประเทศอังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกว่าอียูจะดำเนินนโยบายกีดกันการค้ากับประเทศอังกฤษ เนื่องจากหลายประเทศในกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรปส่งออกสินค้าไปยังประเทศอังกฤษจำนวนมาก ดังนั้นหากคณะกันมาธิการยุโรปดำเนินมาตรการใดๆ ที่เป็นกีดกันทางการค้ากับประเทศอังกฤษแล้ว จะทำให้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น ทั้งนี้ ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระหว่าง 1.0425-1.0465 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.0456/58 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
ในส่วนของค่าเงินเย็นวันนี้ (29/12) เปิดตลาดที่ระดับ 116.90/91 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดในวันพุธ (28/12) ที่ระดับ 117.67/69 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนได้รับแรงสนับสนุนหลังจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์ซึ่งรวมถึงรถยนต์นั่งโดยสาร รถบรรทุก และรถบัส ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนพฤศจิกายน แตะระดับที่ 422,981 คันจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 414,870 คัน นอกจากนี้ทางสมาคมยังเปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ซึ่งรวมถึงรถยนต์นั่งโดยสาร รถบรรทุก และรถบัสเพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนพฤศจิกายน แตะระดับที่ 840,330 คัน ทั้งนี้ ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระหว่าง 116.23-116.90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 116.53/55 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องจับตาดูในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเบื้องต้น ซีพีไอของประเทศอิตาลีประจำเดือนธันวาคม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ดุลการค้าสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายน สต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายน ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศสหรัฐฯ ประจำเดือนธันวาคม
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +0.5/+1.1 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +2.0/+2.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ