เผยแพร่ |
---|
ห่วง คนรุ่นใหม่ แห่ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ระวังเสี่ยงสูง พลาดอาจเป็นหนี้นอกระบบ
ผศ.ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องรูปแบบการใช้จ่าย จากเดิมที่เคยใช้เงินสด บัตรเครดิต เมื่อเข้าสู่ช่วงวิกฤต COVID-19 ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันไปใช้ระบบออนไลน์ ทั้งการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ใช้สแกน QR Code และการโอนเงิน เพื่อการใช้จ่ายแบบไร้สัมผัสกันมากขึ้น
เช่นเดียวกับการลงทุน พบว่า คนรุ่นใหม่สนใจใช้เงินสกุลดิจิทัล “Cryptocurrency” กันมากขึ้นทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในประเทศไทย พบว่า เริ่มมีใช้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กันบ้างแล้ว
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนไทยส่วนใหญ่ยังขาด “ทักษะทางการเงิน” หรือ “Financial Literacy” ที่เพียงพอรองรับเทคโนโลยีดังกล่าว โดยแม้ว่าในคนรุ่นใหม่ จะเข้าถึงเทคโนโลยีในโลกยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและง่ายกว่าคนรุ่นอื่นๆ แต่ประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจอาจยังคงมีจำกัด
ซึ่ง “Cryptocurrency” เป็นการลงทุนที่มีการเก็งกำไรกันสูง แม้จะคล้ายกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ “การเล่นหุ้น” แต่ “การเล่นหุ้น” ยังมี “ความน่าจะเป็น” บนพื้นฐานของ “ธุรกิจจริง” มีผลประกอบการที่ใช้พิจารณาประกอบ อาจจะผันผวนบ้างตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคง

ในขณะที่ “Cryptocurrency” มีความเสี่ยงสูงกว่า ผันผวนได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา อาจกลายเป็นเหมือน “แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ” ได้ หากผู้เล่นไม่รู้จักดีพอ บางสกุลมีการหลอกลวง บางสกุลมีการปล่อยข่าวสร้างภาพให้เกิดความหวังเกินจริง
“Cryptocurrency” เป็นเงินสกุลดิจิทัล ที่เกิดจากเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งใช้ระบบในการควบคุมการแลกเปลี่ยนซื้อขายโดยไม่ผ่านธนาคาร จึงไม่มีอะไรมารับประกันได้เลย
แม้ธุรกิจประเภท “Cryptocurrency” ในประเทศไทย จะมีผู้ประกอบการซึ่งเป็นคนไทย และควบคุมโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่การควบคุมการขึ้นสูงของราคายังไม่มีกลไกที่ดีเท่ากับตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ซื้อขาย “Cryptocurrency” สามารถใช้เแอพพลิเคชั่นของต่างประเทศ ซื้อขายกันได้โดยง่ายไร้ข้อจำกัด ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนหน้าใหม่ในประเทศไทยเช่นกัน
ผศ.ดร.บุญยิ่ง ยังแสดงความห่วงใยถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ทิ้งท้ายว่า ไม่แนะนำในกรณีที่เป็นนักเรียนนักศึกษา ซึ่งต้องถึงกับเอาเงินที่ผู้ปกครองส่งมาให้เป็นค่าเทอม ไปลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงจนเกิดความเสียหาย กลายเป็นหนี้นอกระบบ
แม้ทุกคนมีสิทธิที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในโลกอนาคต โดยอาจลงทุนด้วย “Cryptocurrency” เก็บไว้ได้บ้าง หากเงินลงทุนนั้นไม่กระทบต่อภาระที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตปัจจุบัน ถึงในวันนี้จะโชคดีได้เป็นเศรษฐี “อายุน้อยร้อยล้าน” แต่เพียงไม่กี่วันอาจ “พลิกฝ่ามือ” กลายเป็นสถานะตรงกันข้ามได้
จึงอยากให้มีการศึกษาข้อมูลเพื่อเรียนรู้ทำความเข้าใจให้ดีก่อนการลงทุน โดยที่จะต้องไม่ลืมเก็บออม แม้จะยังไม่ถึงวัยเกษียณ แต่การคิดเผื่อไว้ ในวันที่ไม่มีรายได้จากการทำงาน และการเก็บออมจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรให้ยั่งยืน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง