น้องไข่เน่า ทำให้เกิดคำถาม เซ็กซ์ทอย ถึงเวลาหรือยัง เลิกเป็นของผิดกฎหมาย

น้องไข่เน่า ทำให้เกิดคำถาม เซ็กซ์ทอย ถึงเวลาหรือยัง เลิกเป็นของผิดกฎหมาย

จากกรณี น้องไข่เน่า กลายเป็นกระแสในชั่วข้ามคืน หลังเธอและแฟนหนุ่มถูกตำรวจเข้าจับกุม ฐานร่วมกันทำคอนเทนต์แนว 18+ ลงเว็บไซต์ OnlyFans ซึ่งอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการกระทำที่ ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประเทศไทย ล่าสุดองค์กร Change.org เปิดประเด็น เคส ‘น้องไข่เน่า’ ทำให้สังคมกลับมาตั้งคำถามเกี่ยวกับ ‘เซ็กซ์ทอย’ อีกครั้ง ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่กฎหมายไทยจะเลิกมองว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย

โดยยกเหตุผลมาสนับสนุนแคมเปญดังกล่าวว่า ความจริงแล้ว เซ็กซ์ทอย ไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อให้คล้ายการมีเพศสัมพันธ์ แต่มีจุดมุ่งหมายให้เรามีความสุขทางเพศ ไม่ใช่เพียงสิ่งเทียมอวัยวะเพศ บางชิ้นดูเป็นมิตรมากๆ บางชิ้นสามารถวางไว้ตั้งโชว์ได้เลยโดยไม่มีใครทราบเลยว่าจริงๆ มันคือเซ็กซ์ทอย สามารถใช้เซ็กซ์ทอยกับตัวเองก็ได้ หรือกับคู่ของตนก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าใครที่ต้องการมีความสุขทางเพศ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ได้

แต่ในประเทศไทย เซ็กซ์ทอย เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมาย ทำให้ไม่มีใครสามารถควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของมันได้เลย สิ่งที่น่ากังวลที่สุดเกี่ยวกับการที่มันไม่ถูกกฎหมาย เพราะสินค้าเหล่านี้เวลาที่เราซื้อ มันอาจจะไม่ได้มีบรรจุภัณฑ์มาด้วย บางทีเป็นพลาสติกห่ออาหาร บางทีก็เป็นกล่องเก่าๆ ที่มีร่องรอยการถูกเปิดมาแล้วซ้ำแล้วซ้ำอีก เราไม่มีวันรู้เลยว่ามันเป็นของมือที่เท่าไหร่ มือหนึ่ง มือสอง หรือมือที่สิบ สุ่มเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค คนซื้อไปใช้อาจติดเชื้อจากความไม่ทราบที่มาที่ไป แล้วใครจะรับผิดชอบ

การที่มันไม่มีบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ ทำให้ไม่ทราบแหล่งผลิต ไม่ทราบว่าโรงงานอยู่ที่ไหน ประเทศอะไร มีวัสดุอะไรประกอบบ้าง ต้องทำความสะอาดยังไง มีข้อควรระวังตรงไหนๆ เราไม่ทราบอะไรเลย และถ้าเราแพ้ล่ะ เพราะมันต้องสัมผัสกับส่วนบอบบาง เราเรียกร้องใครไม่ได้เลย

แคมเปญรณรงค์นี้ จึงขอเสนอให้แยกสินค้าเพื่อความสุขทางเพศหรือเซ็กซ์ทอยออกมาจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 ไปเป็นสินค้าควบคุมพิเศษ ขอให้มีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพวัสดุ อย. มอก. มาตรวจสอบรับรองได้เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค วัสดุที่ใช้ต้องปลอดภัยต่อการสัมผัสร่างกาย ระบบวงจรไฟฟ้า หากมี ก็ขอให้มีมาตรฐานที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้

สำหรับการนำเข้า ขอให้มีการกำหนดพิกัดใหม่สำหรับยื่นเสียภาษีนำเข้า หรืออย่างน้อยอยู่ในพิกัดสินค้าฟุ่มเฟือย รัฐก็จะได้รายได้จากตรงนี้ ทั้งยังสามารถตรวจสอบปริมาณการนำเข้าเพื่อทราบขนาดตลาดที่แท้จริงได้ และจะสามารถวางแผนนโยบายทางเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต

ประเทศไทยแม้แต่อาบอบนวดยังถูกกฎหมาย แล้วทำไมเซ็กซ์ทอยจะไม่ถูกกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้มีการออกใบอนุญาตควบคุมให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความสุขทางเพศได้ เมื่อออกใบอนุญาตเป็นกิจจะลักษณะแล้ว เก็บภาษีใบอนุญาตรายปีได้ ก็สามารถควบคุมร้านค้าเหล่านี้ได้ และกำหนดข้อจำกัดของร้านค้าได้ เช่น จำกัดอายุผู้ซื้อ ให้เป็นร้านปิดทึบ มองไม่เห็นจากภายนอก คนซื้อก็จะสบายใจที่จะเลือกซื้อ คนขายก็เช่นกัน และคนเดินผ่านไปมาข้างนอกก็เช่นกัน ทุกคนสบายใจ