ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
หลายคนคงกำลังวางแผนให้ของขวัญแก่คนที่รัก แม้ว่าในแต่ละปีเทรนด์ความนิยมของขวัญส่วนใหญ่จะคล้ายกัน อย่างเช่นประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ ของมีค่า ปีนี้หลายหน่วยงาน หลายคน เลือกจะซื้อหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับข้าว โดยเฉพาะข้าวสาร มาเป็นของขวัญของกำนัลในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ เพื่อต้องการช่วยเหลือชาวนาในยุคราคาข้าวตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
จากการสำรวจของสมาคมของขวัญ ของชำร่วย และของตกแต่งบ้าน ถึงอารมณ์การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ 2560 พบว่าเริ่มมีความคึกคักแล้ว ตอบรับจิตวิทยารัฐบาลที่เพิ่งออกมาตรการช้อปช่วยชาติของกระทรวงการคลัง ให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการไม่เกิน 15,000 บาท สามารถลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ และโครงการรวมใจ ช่วยไทย ลดรับปีใหม่ ของกระทรวงพาณิชย์ จับมือห้างค้าปลีกทุกประเภทลดราคาสินค้าทุกชนิดสูงสุดถึง 80% แบบยกประเทศใน 1.35 หมื่นสาขา
จากประเด็นนี้ทำให้สมาคมต้องปรับประมาณการจากเดิมคาดว่าปีใหม่ยอดขายจะติดลบอีกปี หรือลบ 5% ขยับเป็นบวก 15% และมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อได้ลงลึกดูรายกลุ่มสินค้าของขวัญยอดฮิต ผู้จัดงาน ไทยแลนด์ เบสท์บายส์ 2016 (Thailand Bestbuys 2016) หรือมหกรรมของขวัญของแต่งบ้าน จัดมาตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม ถึง 25 ธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระบุว่าสินค้ายอดฮิตที่มีการซื้อมากสุดในงานสัดส่วน 40% คือ ชุดกระเช้าปีใหม่ บรรจุขนมนำเข้า กาแฟ และสินค้าเพื่อสุขภาพ จะได้รับความนิยมมากสุด
รองลงมา สัดส่วน 30% คือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องหนังจากต่างประเทศ อีกสัดส่วน 20% จะเป็นของกิฟต์ช็อป ได้รับความสนใจค่อนข้างสูงคือสินค้าเซรามิก เช่น แก้วเซรามิกหน้ายักษ์ หรือเครื่องใช้วาดลวดลายแบบไทยๆ ที่เหลืออีก 10% จะเป็นของเบ็ดเตล็ด ในกลุ่มนี้จะมีของที่น่าแปลกใจ เพราะเพิ่งวางขายครั้งแรก เช่น สินค้าที่ระลึกในหลวง ร.9 เช่น เข็มกลัดติดเสื้อ กรอบรูป
เมื่อลองไปเดินสำรวจในตลาดนัด แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของคนเมืองกรุง โดยเฉพาะตลาดนัดตามสถานที่ราชการ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง พบว่าสินค้าขายดีในช่วงนี้คือเสื้อกันหนาว เนื่องจากอากาศใน กทม.และในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มลดต่ำลง
ร้านขายเสื้อกันหนาวจึงมีลูกค้าเลือกซื้อหนาตา บางคนซื้อใช้เอง บางคนซื้อเพื่อนำไปให้พ่อ-แม่ ญาติ พี่น้องในต่างจังหวัด ร้านค้าหลายแห่งปรับเปลี่ยนสินค้าที่นำมาขายเป็นสินค้าเกี่ยวกับอากาศหนาวเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ เสื้อดำยังขายดี และเริ่มมีราคาปรับลดลงจากเมื่อ 1-2 เดือนก่อน
อีกงานแสดงสินค้าที่กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพกำลังจัดงานเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี ระหว่างวันที่ 17-23 ธันวาคม ที่คลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ใช้ชื่อว่า คลังของขวัญ วันปีใหม่ พบว่าสินค้าขายดี 10 อันดับแรกคือ สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. รองลงมาเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกของกรมธนารักษ์ สลากออมสิน ผ้าไหม เครื่องประดับ ลำไยอบแห้ง ธัญพืชแปรรูป กระเป๋าเดินทาง อาหารสำเร็จรูป และอาหารปรุงสุก
ทางด้านผู้ประกอบการค้าปลีกอย่างนางนงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการใหญ่การตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคม เดอะมอลล์กรุ๊ป กล่าวว่า สินค้าที่ลูกค้านิยมซื้อไปเป็นของขวัญในปีนี้ยังเป็นกลุ่มเดิม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า
รองลงมาคือ สินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้าผู้หญิงและผู้ชาย ในส่วนกระเช้าของขวัญนั้น ทางเดอะมอลล์ได้จัดเตรียมเป็นแพคเกจไว้เพื่อความสะดวกของลูกค้า
แต่จากการติดตามพบว่าลูกค้านิยมซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตและนำมาให้พนักงานของทางห้างจัดลงกระเช้ามากกว่า เนื่องจากลูกค้าจะเลือกได้ว่าต้องการกระเช้าของขวัญลักษณะใด ต้องการสินค้าใดที่เหมาะกับผู้รับ รวมทั้งเลือกขนาดกระเช้าของขวัญให้เหมาะกับผู้รับได้ด้วย
ทั้งนี้ สำหรับการซื้อกิฟต์เวาเชอร์ (Gift Voucher) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่นั้น ที่ผ่านมาลูกค้าจะไม่นิยมซื้อเท่าใดนัก เนื่องจากทางห้างจะจัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตบริษัทต่างๆ เพื่อให้ส่วนลดซื้อสินค้า ทั้งการใช้แต้มลดราคา หรือลดทันทีเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร แต่ละครั้งสามารถลดได้สูงสุดถึง 20% โปรโมชั่นดังกล่าวจะไม่นับรวมการซื้อกิฟต์เวาเชอร์ สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กรนั้น ทางห้างได้จัดทีมงานเพื่อไปนำเสนอสินค้าสำหรับเป็นของขวัญปีใหม่โดยเฉพาะเดอะมอลล์จัดโปรโมชั่นและเทศกาลต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น เทศกาลลดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้า เทศกาลนำน้ำหอม เครื่องสำอางมาลดราคาเป็นพิเศษ เพราะโดยปกติแล้วน้ำหอมและเครื่องสำอางจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นสินค้ายอดนิยม ลูกค้าจะซื้อให้กันในช่วงเทศกาลปีใหม่ นางนงลักษณ์กล่าว
และยังบอกอีกว่า โดยปกติแล้วคนไทยจะไม่ซื้อของขวัญเก็บไว้ แต่จะเริ่มมาซื้อมากในช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป เบื้องต้นประเมินว่าน่าจะเติบโต ทางเดอะมอลล์คาดว่ายอดขายภาพรวมในปี 2559 จะเติบโต 15% จากฐานสูงในปี 2558 ที่เติบโตในระดับ 20%
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า สินค้าที่ประชาชนนิยมมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงส่งท้ายปีก่อนต้อนรับปีใหม่ ในส่วนของโลตัสนั้นยังคงเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค โดยกลุ่มอาหารจะได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะลูกค้าจะซื้ออาหารสดไปประกอบอาหารเมนูต่างๆ เพื่อสังสรรค์กับครอบครัว เพื่อนๆ ในช่วงปีใหม่ ภาพรวมการช้อปปิ้งคึกคักมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้วยการให้สิทธิลดหย่อนภาษี
ทางด้านห้างสรรพสินค้ากลุ่มเซ็นทรัลและโรบินสัน ระบุว่า สินค้ายอดฮิตที่ขายดีส่วนใหญ่นิยมซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าคงทน
ขณะเดียวกันเมื่อมีการสอบถามไปยังองค์กรและหน่วยงานราชการว่าเตรียมมอบของขวัญประเภทใดให้กับลูกค้าหรือแจกให้ประชาชน โดยของขวัญปีใหม่ที่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลังจัดหามอบแด่ลูกค้า ผู้มีอุปการคุณปี 2560 นี้คือข้าว
โดยมีคำสั่งจากนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือทุกส่วนงานในสังกัดกระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาของขวัญปีใหม่เป็นข้าวเอ-ไรซ์ (A-Rice) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และสอดคล้องกับนโยบายจำนำยุ้งฉางที่ ธ.ก.ส.กำลังดำเนินการอยู่ โครงการนี้หากชาวนาไม่มาไถ่ถอนคืน ธ.ก.ส.ต้องนำข้าวในยุ้งไประบายเอง
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ที่จัดหาในปีนี้ จะขอแบ่งกลุ่มซื้อเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มพอมีรายได้ ซื้อของขวัญมีค่า ของขวัญที่ตนจะซื้อให้ผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวคือทองคำ ล่าสุดราคาทองคำลดลงเหลือบาทละ 19,350 บาท จากกลางปีที่สูงถึง 22,700 บาท ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้ซื้อไปฝากผู้ใหญ่หรือให้คนในครอบครัวเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่
สำหรับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง คิดว่าน่าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอุปโภค-บริโภคเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ในส่วนของลูกน้องในบริษัทตนนั้นไม่ได้จัดหาเป็นของให้ แต่ให้ของขวัญปีใหม่เป็นโบนัสสิ้นปี
ทั้งนี้ หากเทียบกับสินค้ายอดฮิตในปีใหม่ 2559 พบว่าจะมีความใกล้เคียงกัน โดยปี 2559 สินค้ายอดนิยมอันดับแรกคือกระเช้าของขวัญสำเร็จรูป ตามด้วยของกิน เช่น เค้ก คุกกี้ นาฬิกา ผ้าขนหนู เครื่องใช้ไฟฟ้า เงินสดหรือทองคำ ชุดเครื่องแก้ว เป็นต้น สะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นนัก กระเช้าของขวัญสำเร็จรูปที่สามารถอวยพรได้พร้อมกันหลายคน อีกทั้งเป็นสินค้าที่มีความหลากหลายชนิดและราคาให้เลือกตั้งแต่ 299 บาท ถึง 4-5 พันบาท/กระเช้า จึงเป็นที่นิยมอีกครั้งในปีนี้
ที่น่าจะโดดเด่นไม่แพ้กันในปีนี้คือการซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว และของใช้ส่วนตัว เพื่อมอบเป็นของขวัญเฉพาะบุคคลมากขึ้น เนื่องจากสังคมในปัจจุบันจะอาศัยในคอนโดมิเนียมที่มีขนาดเล็กลง และสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ที่มา มติชน