เจาะกลยุทธ์ ปั้นแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ให้กลายเป็นสินค้าน่าจับตาในเซเว่นฯ

เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดเครื่องดื่มประเภทไม่มีแอลกอฮอล์แบบพร้อมดื่มเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ โดยมีการคาดการณ์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่า ในปี 2564 มูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 0.5-1.5% ภายใต้ตลาดที่มีขนาดใหญ่นั้นก็มีการแข่งขันที่สูงเช่นกัน ทำให้ SMEs หลายรายถอดใจไม่กล้าที่จะเข้ามาในตลาด  

แต่สำหรับคู่พี่น้องผู้บริหาร คุณชนินทร์ เฮ้งเจริญสุข วัย 27 ปี และ คุณสรวิศ เฮ้งเจริญสุข วัย 25 ปี สองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด เจ้าของ SMEs เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “Double C” กลับไม่คิดเช่นนั้น

มองหาโอกาส เดินหน้าให้ไว มีวินัยทางการเงิน

คุณชนินทร์ หนึ่งในผู้บริหาร เล่าย้อนถึงที่มาของธุรกิจให้ฟังว่า เดิมทีทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ด้วยสภาพการแข่งขันที่สูงของตลาด ทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ตนกับน้องชายจึงมองหาธุรกิจใหม่

โดยใช้ต้นทุนเดิมที่มีคือ เครื่องจักร และพบว่าตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ Double C แต่ด้วยสภาพคล่องทางด้านการเงิน จึงจำเป็นต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“ผมกับน้องชายต้องศึกษาหาข้อมูลของตลาดเครื่องดื่มอย่างหนัก และพบว่า สินค้าเพื่อสุขภาพมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคู่แข่งยังไม่มาก จึงตัดสินใจที่จะทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ Double C โดยเข้าไปคุยกับทางเซเว่นอีเลฟเว่น ถึงแนวคิดดังกล่าว และทางเซเว่นฯ ก็ให้โอกาสเราได้ทำ ซึ่งเงินทุนที่ใช้ในตอนนั้นต้องบอกว่าเป็นเงินทุนหมุนเวียนจริงๆ ทุกอย่างต้องเป็นเงินสด เพราะเรายังมีหนี้อยู่เยอะ แบงก์ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ ทำให้เราต้องรู้จักบริหารเงินทุนหมุนเวียนให้ดี ควบคู่ไปกับการสร้างวินัยที่ดีด้านการเงินกับสถาบันการเงิน และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เซเว่นฯ เองก็ช่วยร่นระยะเวลาเครดิตให้จากเดิม 90 วัน เป็น 45 วัน ทำให้เรามีสภาพคล่องในการดำเนินงานมากขึ้น” คุณชนินทร์ กล่าว 

ด้าน คุณสรวิศ ผู้บริหารอีกท่านหนึ่ง กล่าวเสริมว่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง Double C ก็ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี เพราะรสชาติที่ถูกปาก เช่น รสเลม่อนและมะนาว, รสส้มและเลม่อน, รสพีชและลิ้นจี่, รสเสาวรสและส้ม ในราคาเข้าถึงได้ง่ายเพียงขวดละ 15 บาท จึงทำให้ในปี 2562 บริษัทมีอัตราการเติบโตกว่า 300% และก็เติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

“แม้ว่าสินค้าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่เราก็ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องและต้องให้ไว เพราะตลาดนี้มีผู้สนใจจำนวนมาก หากเราช้าหรือหยุดพัฒนา จากผู้นำเราก็จะกลายเป็นผู้ตามในทันทีล่าสุด บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท เฟอร์โร เพอร์ฟอร์แมนซ์ แมททีเรียลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการผลิตสารเคลือบผิวสำหรับอุตสาหกรรม นำสารเคลือบผิวมาใช้ในการผลิตขวดใส ผ่านทาง บริษัท เวลโกรว์ กล๊าส อินด์ดัสทรี จำกัด (WGI) บริษัทโรงงานผลิตขวดชั้นนำของประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยนวัตกรรมขวดใสป้องกันแสง เจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย พร้อมขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศ CLMV ในปีหน้า” คุณสรวิศ กล่าวทิ้งท้าย