มือใหม่หัดไลฟ์ต้องรู้! 5 เทคนิค ทำยังไงให้ยอดขายปัง

มือใหม่หัดไลฟ์ต้องรู้!  5 เทคนิค ทำยังไงให้ยอดขายปัง
มือใหม่หัดไลฟ์ต้องรู้!  5 เทคนิค ทำยังไงให้ยอดขายปัง

มือใหม่หัดไลฟ์ต้องรู้! 5 เทคนิค ทำยังไงให้ยอดขายปัง

SHOPLINE ผู้นำระบบจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร จัดกิจกรรมไลฟ์สด Live the First time มือใหม่หัดไลฟ์ ทำยังไงให้ขายได้ โดยมี “หมอกิม” หรือ น.สพ.ธีรพงษ์ เศรษฐิวัฒน์ เจ้าของเพจ The Sales-Partan ที่ปรึกษาตลาดออนไลน์ มาถ่ายทอดความรู้ให้คำแนะนำในการจัดไลฟ์สดที่เป็นเทรนด์มาแรงในปัจจุบัน

พร้อมเปิดเผย 5 เทคนิคสำคัญ “Show Your Time On Stage” ที่จะทำให้ร้านค้าออนไลน์มีความสะดวกในการทำตลาดออนไลน์ได้อย่างสูงสุดและเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืน ได้แก่

1. SHOW “LIVE สดไม่ใช่แค่การพูด แต่เป็นการสร้างโชว์” การจัดไลฟ์สดมีข้อดีคือ ความสมจริง ความสด ที่ทำให้คนดูมีความเชื่อและช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น โดยส่วนใหญ่การไลฟ์สดจะใช้เวลา 30-60 นาที

ซึ่งจะต้องมีเทคนิคคือ ทำให้เหมือนการโชว์ เพื่อให้คนดูมีความสนุกและเกิดความรู้สึกร่วมกับแบรนด์ กระตุ้นให้อยากเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น หากการไลฟ์สดของร้านค้าไม่น่าสนใจและไม่ดึงดูด ลูกค้าที่เข้าชมก็ไม่สนใจอยากเลือกซื้อสินค้า

เช่น ร้านค้าเพียงแค่พูดอธิบายสินค้าและบอกราคา การไลฟ์สดจะดูน่าเบื่อไม่ชวนให้ซื้อ หรือ การนำเสนอโดยหยิบเสื้อผ้ามาโชว์เพียงอย่างเดียวก็ไม่น่าสนใจ แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์จึงพากันนิยมสวมใส่เสื้อผ้าให้ลูกค้าดูด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอย่างมหาศาล อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ต้องเลือกใช้น้ำเสียงในการพูดที่มีความชัดเจน เพื่อดึงดูดความสนใจ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างพลังในการนำเสนอ

2. YOUR มาจาก “Your STYLE” การไลฟ์สดต้องดำเนินไปให้เหมือนโชว์ และแสดงออกในความเป็นสไตล์ของตัวเราเอง 1. มีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน 2. มีสไตล์การสื่อสาร การพูด การนำเสนอและคำพูดที่ติดปาก และ 3. การแต่งตัว ต้องสร้างเอกลักษณ์ให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย

ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำคือ การแสดงโชว์ที่เป็นคนอื่น หรือพยายามเลียนแบบคาแร็กเตอร์คนอื่น เพราะการเลือกสไตล์ที่ไม่ใช่ตัวเราจะทำได้ไม่นานและไม่มีเอกลักษณ์น่าจดจำ คนดูจะรู้สึกไม่อินไปกับสิ่งที่นำเสนอเนื่องจากการแสดงออกไม่เป็นธรรมชาติ

3. TIME เวลาคือสิ่งที่สำคัญมากในการไลฟ์สด มีตัวแปรสำคัญคือ 1. การเลือกเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อรักษาฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้ว่าร้านค้าจะมาไลฟ์สดในเวลาใด ที่สำคัญ เมื่อมีเวลาประจำในการไลฟ์ จะทำให้ลูกค้าเห็นอย่างต่อเนื่อง

2. การเลือกเวลาที่มีประเด็นร้อนน่าสนใจจะช่วยดึงดูดให้คนมาชมมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนต่างระบุว่าช่วงเวลาที่ดีในการไลฟ์สดคือ วันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น. ทำให้ร้านค้าต่างมาไลฟ์สดในเวลาดังกล่าวจำนวนมาก และเกิดการแย่งกลุ่มลูกค้า

ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ต้องวิเคราะห์ให้ชัดเจนและเชื่อมโยงกับประเภทสินค้าด้วย ยกตัวอย่าง หากสินค้ามีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้สูงอายุ ที่มีไลฟ์สไตล์เข้านอนเร็วและตื่นเช้ามาก ก็ไม่ควรไลฟ์สดในเวลาดึกเกินไป

4. ON การไลฟ์สดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีอยู่หลากหลาย ทั้งเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และ TikTok จึงควรเลือกไลฟ์สดในหลายแพลตฟอร์มเพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย เพิ่มฐานลูกค้า รวมถึงเพิ่มองค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจากแพลตฟอร์มต่างๆ จะมีการนำเสนอซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

5. STAGE หน้าจอไลฟ์ คือ เวทีของทุกคน ปัจจุบันก้าวสู่ยุคที่สามของการไลฟ์คือ ครีเอทีฟ ไลฟ์ ที่ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ในเวทีเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้า ทำให้เห็นการใช้อุปกรณ์มากมายเพื่อเติมแต่งเวทีให้น่าสนใจ ส่งผลให้การไลฟ์สดไม่น่าเบื่อและมีความน่าสนใจมากขึ้น

โดยร้านค้าออนไลน์ชื่อดังเลือกใช้กระดิ่ง ไฟโรเซ่ ที่เป็นไฟวงเหมือนพระอาทิตย์ตก หรือโหลดแอพพลิเคชั่นที่มีเสียงซาวด์แทร็ก ทำให้คนดูไม่เบื่อ สร้างความแตกต่างและแปลกตา แต่ไม่ต้องลงทุนมากนัก สามารถเริ่มใช้งานได้สะดวก ทำให้ทุกคนสามารถสร้างยอดขายได้ปังมากขึ้น

SHOPLINE มีฟีเจอร์เด่นเหมาะสมกับการไลฟ์สดในปัจจุบัน ทั้งระบบดูด CF หรือ ระบบดูดไลฟ์ ที่มีข้อดีคือ ใช้งานง่าย มีความเสถียร แม่นยำ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ประหยัดเวลา ไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญ ปิดการขายได้ง่าย และยังมีฟีเจอร์สำหรับจัดกิจกรรมระหว่างไลฟ์สด ทั้ง LIVE Quiz สำหรับร่วมกิจกรรมถามตอบและหาผู้ชนะ, กิจกรรมนาทีทอง ที่จะสร้างโค้ดส่วนลดเพื่อแจกให้คนที่พิมพ์คีย์เวิร์ดถูกต้องในคอมเมนต์ระหว่างไลฟ์สด และกิจกรรมประมูลสินค้า ที่เปิดให้คนเข้ามาชมไลฟ์สดร่วมประมูลสินค้าและสามารถร่วมคัดเลือกผู้ชนะได้ทันที

นอกจาก Social Commerce แล้ว SHOPLINE ยังมีบริการ E-commerce Solution ที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด ซึ่งระบบได้ออกแบบให้เชื่อมโยงกับระบบหลังบ้านและการจัดการสต๊อกสินค้า การชำระเงินพร้อมเชื่อมต่อกับระบบขนส่งได้อย่างครบวงจร รวมถึงมีการเชื่อมต่อเว็บไซต์ร้านค้าเข้ากับ Social Media และการตั้งค่า SEO ทำให้ทุกคนเสิร์ชเจอร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวมถึงมีฟีเจอร์กับระบบ Smart Ads เป็นตัวช่วยโฆษณาสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถทำได้อย่างสะดวกที่สุด