ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ttb มุ่งพัฒนาโซลูชั่นผ่านแนวคิดสร้างพื้นฐานทางการเงินช่วยคนไทยก้าวข้ามโควิด-19
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า หลังการรวมกิจการของทีเอ็มบีและธนชาตเสร็จสมบูรณ์แล้ว ธนาคารพร้อมเดินหน้าสร้างชีวิตทางการเงิน (Financial Well-being) ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและคนไทยทั้งประเทศ ตามเป้าหมายของธนาคาร
โดยเฉพาะในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงที่เปราะบางจากสถานการณ์โควิด-19 คนไทยส่วนใหญ่ประสบปัญหาทางการเงิน การสร้างพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแรงในระดับบุคคลเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยธนาคารได้มุ่งพัฒนาโซลูชั่นผ่านแนวคิดพื้นฐานด้านการเงิน 4 มิติสำคัญ คือ
1. รอบรู้เรื่องกู้ยืม
2. มีความคุ้มครองที่อุ่นใจ
3. ฉลาดออม ฉลาดใช้
4. ลงทุนเพื่ออนาคต
ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่าหากทุกคนนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้จะช่วยเสริมรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้
ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความเปราะบางทางด้านการเงินของคนไทยได้อย่างชัดเจน โดยหลายคนขาดรายได้ มีความต้องการกู้ยืม เห็นได้จากยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 14.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.5% ต่อจีดีพีของไตรมาส 1 ปี 2564
และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ที่มีหนี้สินเดิมอยู่แล้วต้องการเงินไปหมุนเพิ่มเติม หรือผู้ที่ขาดรายได้ก็ต้องการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนหรือธุรกิจ ในขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้เดิมลดลง ซึ่งจากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปี 2563 พบว่า
คนไทยมีสัดส่วนหนี้ที่เกิดจากการบริโภคและการใช้จ่าย (Consumption Debt) สูงถึง 34% และคนส่วนใหญ่เลือกใช้สินเชื่อบุคคล เห็นได้จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อบุคคลที่ 6.4% ซึ่งมียอดรวมสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท เนื่องจากสะดวกและสมัครง่าย ไม่ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกัน แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่นๆ ก็ตาม
ในสถานการณ์ที่คนไทยมีภาระผ่อนหนี้สินดอกเบี้ยสูงจากหลายๆ แหล่ง ทีเอ็มบีธนชาตแนะนำให้ลูกค้าที่มีสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถ หันมาพิจารณาโซลูชั่น ttb debt consolidation หรือสินเชื่อที่ช่วยรวบหนี้ทุกทางเป็นก้อนเดียว เช่น รวบหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดดอกเบี้ยสูง มารวมไว้เป็นหนี้เดียว ผ่านสินเชื่อประเภทบ้านแลกเงินหรือรถแลกเงิน เพื่อรับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระหนี้ที่ต้องชำระในอนาคต
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโซลูชั่น ttb cash2care สินเชื่อบุคคลที่ให้ดอกเบี้ยถูกลง เมื่อกู้ไปใช้กับเรื่องที่จำเป็น เช่น ค่าเทอมลูก และค่ารักษาพยาบาล เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสภาพคล่องอันเกิดจากภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
จากตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ปี 2563 พบว่าจากจำนวนประชากรไทย 100 คน มีการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตเพียง 39 ฉบับ แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น และด้วยอัตราค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนไทยมีความตื่นตัวในเรื่องของการมีประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
ทีเอ็มบีธนชาต อยากให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยรองรับความเสี่ยง และอยากให้ทุกคนลองสำรวจความคุ้มครองจากประกันต่างๆ ที่ตนเองมีอยู่ ทั้งประกันสุขภาพที่เป็นสวัสดิการของที่ทำงาน ประกันสังคม และประกันอื่นๆ ที่ท่านทำไว้เองแล้ว ว่าเพียงพอและเหมาะสมหรือไม่
หากท่านเกิดเจ็บป่วยหนักหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะหากประกันที่มีอยู่ไม่เพียงพอดูแลค่ารักษาพยาบาล รวมถึงการที่ท่านต้องพักงานและสูญเสียรายได้ จึงจำเป็นต้องนำเงินออมมาใช้ และอาจมีแนวโน้มต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบทั้งต่อตัวลูกค้าและครอบครัวด้วย
หนึ่งในโซลูชั่นความคุ้มครองขั้นพื้นฐานที่ทีเอ็มบีธนชาตมอบให้ลูกค้า คือ “ทีทีบี ออลล์ฟรี” (ttb all free) บัญชีที่มอบฟรีค่ารักษาพยาบาลและความคุ้มครองชีวิตจากประกันอุบัติเหตุสูงถึง 20 เท่า ซึ่งเราเชื่อว่านี่คือประกันขั้นพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรมี โดยปัจจุบันมีลูกค้าของธนาคารได้รับความคุ้มครองรวมกว่า 1.5 ล้านราย
ในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว ทุกคนควรคำนึงถึงความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่ายหรือหาตัวช่วยทางการเงินที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้จริง ทางทีเอ็มบีธนชาต จึงได้นำแนวคิดเรื่อง “เปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้มีความหมายยิ่งกว่า” มาต่อยอดสิทธิประโยชน์ให้กับบัตรเครดิตทีทีบี ชูจุดเด่นด้านการซื้อสินค้าและบริการสั่งอาหารออนไลน์
ซึ่งเป็นช่องทางการใช้จ่ายที่จำเป็นในสถานการณ์โควิด-19 นี้ และได้คะแนนสะสมที่เร็วเพื่อใช้แลกสิทธิประโยชน์อื่นๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เช่น เมื่อซื้อประกันชีวิตผ่านบัตรเครดิตสามารถแลกคะแนนสะสมเป็นเครดิตเงินคืนเข้าบัญชี และใช้คะแนนสะสมแลกชำระค่าหน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ เป็นต้น
เมื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นแล้ว ก็ควรเริ่มต้นสร้างวินัยในการออมต่อไป โดยจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า สัดส่วนเงินออมต่อรายได้ของคนไทยในปัจจุบันมีเพียง 12.5% ในขณะเดียวกัน ตัวช่วยสำหรับการเก็บออมก็ไม่ได้สร้างแรงจูงใจ ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบัญชีออมทรัพย์ที่ค่อนข้างต่ำ
ในขณะที่บัญชีฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่ามีข้อจำกัดเรื่องของระยะเวลาฝาก ทำให้ไม่ตอบโจทย์ผู้ออมที่ต้องการสภาพคล่องหรือความยืดหยุ่น ซึ่งทีเอ็มบีธนชาตขอแนะนำให้คนไทยใช้จ่ายอย่างมีวินัย ระมัดระวังไม่ให้เกินตัวและเริ่มเก็บออมให้มากขึ้น ผ่านโซลูชั่นการออม คือ “ทีทีบี โนฟิกซ์” (ttb no fixed) บัญชีเงินฝากไม่ประจำ ที่ให้ดอกสูงเหมือนบัญชีฝากประจำ แต่ถอนได้เหมือนบัญชีออมทรัพย์ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวินัยในการออม
ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัว และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่สิ้นปี 2562 จากค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0.50% ลงมาอยู่ที่ 0.25% ต่อปี หรือ ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี ที่โดยเฉลี่ยปรับตัวลดลงจากสิ้นปี 2562 ที่ระดับ 1.30% ลงมาอยู่ที่ระดับดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
จึงควรมองช่องทางการลงทุนอื่นๆ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นหรือผ่านกองทุนรวม ซึ่งอาจทำให้ตัดสินใจลงทุนผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดการลงทุนมีความผันผวน ทีเอ็มบีธนชาตได้พัฒนา “ทีทีบี สมาร์ทพอร์ต” (ttb smart port)
ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้ดียิ่งขึ้น มีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกช่วยดูแลและจัดพอร์ตการลงทุนที่ลูกค้าสามารถเลือกลงทุน ผ่าน 5 กองทุนตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุนตามต้องการได้อย่างสบายใจ และปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติในทุกครั้งที่มีสภาวะเหตุการณ์สำคัญ ขายคืนได้เงินเร็วไม่ติดปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถเลือกลงทุนใน ttb smart port อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน (DCA : Dollar Cost Average) เพื่อช่วยสร้างวินัยในการลงทุนเพื่ออนาคตและกระจายความเสี่ยงจากภาวะผันผวนของตลาดผ่านกองทุนรวมได้อีกด้วย
“ทีเอ็มบีธนชาตเชื่อมั่นว่าการทำงานและนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินภายใต้แนวคิดพื้นฐานการเงินทั้ง 4 มิติ จะช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย ทั้งในวันนี้และอนาคตได้จริง และสามารถช่วยคนไทยก้าวข้ามสถานการณ์โควิด-19 นี้ไปด้วยกัน” นายปิติ กล่าวสรุป