ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13

ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13
ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13

ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13

วันที่ 3 ส.ค. 2564 นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยภาพรวม 6 เดือนแรกปี 2564 (มกราคม-มิถุนายน) ว่า ธุรกิจประกันชีวิตมีผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 294,896.57 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย

จำแนกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ จำนวน 83,745.52 ล้านบาท ด้วยอัตราเติบโต เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.88 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจำนวน 211,151.05 ล้านบาท ด้วยอัตราเติบโต เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.68 และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตร้อยละ 81

สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับปีแรก จำนวน 45,851.44 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลง ร้อยละ 7.52 และเบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว จำนวน 37,894.08 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 42.26

ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13
ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13

โดยจำแนกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวมตามช่องทางการจำหน่าย ดังนี้

อันดับ 1 การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 142,804.21 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.39 มีสัดส่วนร้อยละ 48.43

อันดับ 2 การขายผ่านธนาคาร จำนวน 124,101.47 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.45 มีสัดส่วนร้อยละ 42.08

อันดับ 3 การขายผ่านช่องทางนายหน้า จำนวน 13,824.71 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81 มีสัดส่วนร้อยละ 4.69

อันดับ 4 การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ จำนวน 7,133.99 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.75 มีสัดส่วนร้อยละ 2.42

อันดับ 5 การขายผ่านช่องทางดิจิทัล จำนวน 370.07 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.63 มีสัดส่วนร้อยละ 0.13

อันดับ 6 การขายผ่านช่องทางไปรษณีย์ จำนวน 19.64 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 15.55 มีสัดส่วนร้อยละเพียง 0.01

อันดับ 7 การขายผ่านช่องทางอื่นๆ จำนวน 6,642.47 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.20 สัดส่วนร้อยละ 2.25

ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตสูง เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,598.72 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงถึงร้อยละ 96.05 ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 46,549 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.54 และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 4,243.93 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.74 แต่มีสัดส่วนการขายอยู่ในระดับค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทอื่น

สำหรับแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตไทยในครึ่งหลังของปี 2564 ภาคธุรกิจประกันชีวิตยังคงมองว่าธุรกิจจะเติบโตได้ตามที่คาดการณ์การเติบโตไว้ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อต้นปี 2564 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ระหว่าง 590,000-610,000 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ –1 ถึง +1 ซึ่งคาดการณ์แบบระมัดระวัง เนื่องจากทิศทางของสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น

ส่วนทิศทางผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตนั้น ภาคธุรกิจมองว่า ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่จะได้รับความนิยมและมีศักยภาพในการเติบโตสูง คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน เนื่องจากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้มากขึ้น พร้อมได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนภายใต้ระดับความเสี่ยงที่พอรับได้ รวมถึงได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิตรวมอยู่ด้วย

ขณะเดียวกัน ธุรกิจประกันชีวิตมีการพัฒนาความคุ้มครองด้านสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) อย่างต่อเนื่อง และมีการบริการหลังการขายที่ครบวงจรทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น telemedicine, บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน (SOS) ฯลฯ โดยได้เชื่อมต่อกับระบบของโรงพยาบาลทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกความต้องการและทุกกลุ่มเป้าหมาย

ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของประชาชนมากขึ้น เพราะสามารถตอบเทรนด์สังคมผู้สูงอายุไทยในปัจจุบัน รวมถึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญช่วยเสริมสร้างวินัยทางการออมให้อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อความเป็นอยู่หลังเกษียณอายุ ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับบริษัทประกันชีวิตในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์วัยเกษียณได้มากขึ้น

ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13
ธุรกิจประกันชีวิต ครึ่งแรกปี 64 เบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13

ทั้งนี้ แผนงานดำเนินงานภาคธุรกิจประกันชีวิตปี 2564 คือ 1. เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน โดยเฉพาะแบบประกันใหม่ๆ 2. ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและช่องทางการจัดจำหน่ายให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น 3. การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้เอาประกันและสังคมในปัจจุบัน 4. พัฒนาระบบดิจิทัลให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และ 5. พัฒนาจัดสอบตัวแทนฯ และหลักสูตรการอบรมตัวแทนฯ อบรมขอต่ออายุตัวแทนฯ ในรูปแบบ E-Exam, E-learning และระบบออนไลน์

ปัจจุบันทางภาคธุรกิจประกันชีวิตไทย ได้รับการอนุโลมแนวทางการให้ความคุ้มครองการบริการรักษาพยาบาล ณ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจนอกสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และล่าสุดรวมถึงการอนุโลมให้ความคุ้มครองไปยัง Home Isolation และ Community Isolation ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 43/2564 ของ คปภ. ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเงื่อนไขจะเป็นไปตามที่แต่ละบริษัทประกันชีวิตกำหนด เพื่อให้แบบประกันชีวิตสามารถให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยได้อย่างต่อเนื่อง