ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรทองคำ จากทางเลือกสู่ทางรอด ต่อยอดเป็นยามนุษยชาติ 

ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรทองคำ จากทางเลือกสู่ทางรอด ต่อยอดเป็นยามนุษยชาติ
ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรทองคำ จากทางเลือกสู่ทางรอด ต่อยอดเป็นยามนุษยชาติ 

ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรทองคำ จากทางเลือกสู่ทางรอด ต่อยอดเป็นยามนุษยชาติ

จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ในหลายกรณี ส่งผลให้ความต้องการฟ้าทะลายโจรสูง จนขาดตลาด โดยเฉพาะผู้ผลิตหลัก และได้รับความน่าเชื่อถือเป็นอันดับหนึ่งอย่าง โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แม้จะเพิ่มกำลังการผลิตในทุกช่องทางแล้ว ก็ยังไม่ทันต่อความต้องการ เนื่องจากต้องส่งยาไปช่วยผู้ป่วยในพื้นที่เสี่ยง ที่นอนรอเตียงหลายหมื่นราย ทั่วประเทศ

คุณสุนทร ทองคำ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วังท่าช้าง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บอกว่า ขณะนี้ทางกลุ่มได้นำความรู้เรื่องการผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่ได้จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มาผลิตเพื่อรับประทานกันเอง โดยยืนยันว่า วัตถุดิบได้ส่งให้อภัยภูเบศรตามจำนวนที่ตกลงกัน ส่วนสาเหตุที่ต้องมาผลิตกันเอง เพราะต้องการจำหน่ายให้กับชาวบ้านในท้องที่ และประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงยาได้ ในราคาไม่แพง และเป็นยาได้มาตรฐานแม้จะเป็นการบรรจุกันเองก็ตาม

“สมาชิกของกลุ่มฯ ส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่หลังบ้านปลูกต้นฟ้าทะลายโจรแบบเกษตรอินทรีย์ เมื่อมีอายุครบ 2 เดือน จะนำมาตัดกิ่ง หั่นเป็นชิ้นและนำไปตากในโรงเรือนที่จัดทำไว้รวม 3 แดด จากนั้นจึงจะนำใบแห้งมาใส่เครื่องปั่นละเอียดเป็นเวลา 1 นาที และนำออกมาบรรจุลงแคปซูลใส่ในถุงซีล จำนวน 100 เม็ด จำหน่ายให้ประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ในราคาถุงละ 80 บาท และยังแบ่งปันให้กับชาวบ้านในชุมชนรับประทานฟรีด้วย โดยขณะนี้ยังไม่มีชาวบ้านในชุมชนติดเชื้อแม้แต่คนเดียว ส่วนกำลังผลิตจากการบรรจุแคปซูล ซึ่งใช้แรงงานคน จะสามารถผลิตได้ราววันละ 20,000 เม็ด” คุณสุนทร กล่าว

และ ยังบอกเตือนประชาชนด้วยว่า ขอให้เลือกซื้อหายาฟ้าทะลายโจรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เนื่องจากขณะนี้มีฟ้าทะลายโจรปลอม มาจำหน่ายในท้องตลาด โดยผสมสะเดาที่มีรสขม และสีเขียวเหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีการนำฟ้าทะลายโจรที่ผสมอาหารสัตว์ ซึ่งปกติจะใช้รักษาสัตว์ นำมาขายปนกับฟ้าทะลายโจรทั่วไป จึงอยากให้ประชาชนระมัดระวัง

คุณโสภณ เอี่ยมศรีวงศ์

ด้าน คุณโสภณ เอี่ยมศรีวงศ์ รองประธานกลุ่มฯ หนึ่งในเกษตรกรที่ปลูกฟ้าทะลายโจรบนพื้นที่ 5 ไร่ กล่าวว่า ชาวบ้านใน ต.วังท่าช้าง ปลูกฟ้าทะลายโจรไว้เพื่อใช้ในครัวเรือนและส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่กำหนดมาตรฐานว่าต้องทำแบบเกษตรอินทรีย์ ในจำนวนที่ไม่มากนัก แต่เมื่อปี 2563 มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบแรก โรงพยาบาลได้สั่งให้เพิ่มพื้นที่เพาะปลูก เพื่อขยายการผลิตตามปริมาณความต้องการของประชาชน โดยได้มอบต้นกล้า และทำเอ็มโอยูร่วมกัน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น

“ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ง่าย แข็งแรง และสามารถใช้เป็นยาได้ทั้งต้น ระยะเวลาในการปลูกราว 4 เดือน เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 3 ครั้ง ในระหว่างนั้น ก็จะเสริมต้นกล้า เพื่อให้ทันต่อการเก็บเกี่ยวในแต่ละรอบ ในกลุ่มเกษตรอินทรีย์วังท่าช้าง จะมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 100 ไร่ และอาจทำเป็นอุตสาหกรรมในอนาคต โดยจะขยายการผลิตไปยังสมุนไพรอื่นด้วย เช่น ขมิ้นชัน กระชาย ซึ่งมีความต้องการมากขึ้น” คุณโสภณ กล่าว

นอกจากนี้ คุณโสภณ ยังกล่าวด้วยว่า จากความต้องการฟ้าทะลายโจรที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีตัวแทนจากบริษัทต่างๆ ติดต่อเข้ามามาก และให้เร่งผลผลิตด้วยการใช้เคมี และจะให้ราคาที่สูงกว่า แต่ยึดมาตรฐานที่ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กำหนดไว้ คือ แบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าก็คือสุขภาพของพี่น้องเราด้วย ดังนั้น ผลผลิตของเกษตรกรในกลุ่ม จึงเป็นเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จะมาสุ่มตรวจ หากพบไม่ได้มาตรฐาน ก็จะตีกลับทันที

……………………………………..

สำหรับผู้สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพ วันที่ 18-22 สิงหาคมนี้ ติดตาม Healthcare 2021 “วัคซีนประเทศ” บนแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดียเครือมติชน ทั้งเฟซบุ๊กมติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ และยูทูบมติชน ทีวี

อ่านสกู๊ปเต็มๆที่นี่: https://www.matichon.co.th/advertorial/news_2880411

#Healthcare2021 #วัคซีนประเทศไทย #เราจะฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2564