| ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
พวกผมผิดอะไร คนกลางคืนโอด ไซต์ก่อสร้าง ห้าง ตลาด ติดเชื้อทุกวัน ยังปิดเฉพาะโซน
ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดการระบาด หนึ่งในมาตรการของรัฐ คือสั่งปิดธุรกิจกลางคืน ส่งผลให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คุณเต๋า-นนทเดช บูรณะสิทธิพร The Rock Pub – Bangkok`s House Of Rock เผยว่า เปิดกิจการมานาน 34 ปี ส่งต่อกันมาถึงรุ่นสอง ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิดตั้งแต่การระบาดรอบแรกเมื่อปี 2563 นับรวมคร่าวๆ ปิดไปแล้ว 200 กว่าวัน ส่งผลให้รายได้เป็นศูนย์มาโดยตลอด ในขณะที่ค่าใช้จ่ายไม่เคยหยุด
“โควิดมากระทบกันหมด กลางวันเป็นช่วงเวลาที่คนมาใช้จ่าย และหาเงินมาเที่ยวกลางคืน ส่วนกลางคืนคนที่หาเงินมาใช้จ่ายกลางวัน อย่างกรณีผม ร้านปิดตัวเจ้าของได้รับผลกระทบ นักดนตรีตกงาน ลูกจ้างตกงาน ยาวไปถึงแม่บ้าน พ่อครัว ร้านหมูปิ้ง ร้านลูกชิ้น ร้านส้มตำ ที่เปิดบริการหน้าร้านผมก็หายไปกันหมด คนขับแท็กซี่กะกลางคืนต้องมาแย่งงานกะกลางวัน เพราะกลางคืนร้านปิดไม่มีลูกค้า พังกันหมด”
เจ้าของร้าน The Rock Pub – Bangkok`s House Of Rock เล่าต่อว่า “คำว่ายามวิกาลส่งผลลบต่อความรู้สึกคน สังคมส่งต่อกันมาช้านานว่าไม่ควรไปยุ่ง ประกอบกับหลักศาสนา ข้อกฎหมาย ความเชื่อทางสังคม เหล้าเบียร์ไม่ควรกิน ละครยังนำเสนอภาพคนตีกัน ผู้หญิงโดนมอม แต่ลืมนำเสนอภาพที่คนกำลังสนุก สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐสามารถทำอะไรกับเราก็ได้ สั่งปิดภาคธุรกิจนี้ได้โดยที่ไม่โดนสังคมต่อว่า เผลอๆ ได้รับคำชมด้วยซ้ำ”
“ยกตัวอย่างคลัสเตอร์สถานบันเทิง คนรู้ว่าเกิดขึ้นที่ไหน ทำไมไม่ลงโทษแค่ร้านที่มีการดำเนินกิจการแบบนั้น ทำไมต้องเหมารวม ทั้งๆ ที่รัฐรู้ว่าสถานบันเทิงมีหลายแบบ แต่เลือกแก้ปัญหาปลายเหตุ โดยไม่สนใจคนส่วนใหญ่ที่ประกอบอาชีพนี้อย่างสุจริต ร้านเราไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ไม่เคยเป็นแหล่งระบาด แต่โดนปิดตลอด และไม่ได้รับการเยียวยาด้วย”
มาระลอกสาม ตัดสินใจ ปรับตัวเปิดร้านคาเฟ่ “ระลอกสามผมตัดสินใจเปลี่ยนร้านกลางคืนเป็นคาเฟ่เพื่อหารายได้เพิ่ม แต่เจอปัญหาร้านกลางคืนเปลี่ยนมาขายอาหารกาแฟ ก็ได้แค่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แวะเวียนมาน้อยมาก อาทิตย์ที่ผ่านมา 5 ใน 7 วันไม่มีลูกค้ามาเลย แต่ก็ยังเปิดเพื่อให้พนักงานได้มีงานทำ จากตอนแรกมีพนักงาน 8 คน ตอนนี้เหลือ 3 คนแล้ว”
โดยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2564 คุณเต๋า ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืน ได้รวมตัวกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในนามสมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิง ยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง “แนวทางการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิง” ตามรายละเอียดดังนี้
- ยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม
- ขอให้มีคำสั่งปลดล็อกเพื่อให้ธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการ และสามารถ จัดกิจกรรมต่างๆ ได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยให้คงการปฏิบัติตามมาตรการคำสั่งของ ศบค. เพื่อรักษามาตรฐานการควบคุมโรค
- ผ่อนปรนให้สามารถขายแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านค้าได้
- ผ่อนปรนให้มีการจัดงานมหรสพโดยให้คงการปฏิบัติตามมาตรการคำสั่งของ ศบค. เพื่อรักษามาตรฐานการควบคุมโรค
- พิจารณาการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และ/หรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานประกอบการธุรกิจกลางคืน และธุรกิจบันเทิงโดยเร็วที่สุด
- พิจารณาให้มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการเยียวยา การพักชำระหนี้ และ/หรือ การกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ
- เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน และ/หรือ ประชาชนในกลุ่มภาคธุรกิจที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าร่วม รับฟัง, เสนอแนะ, พูดคุย ในกระบวนการการออกมาตรการและนโยบายต่างๆ
- เปิดช่องทางสื่อสาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนที่เดือดร้อน
ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจยื่นหนังสือ คุณเต๋า เผยว่า “รอบสามวันที่โดนสั่งปิด เราไม่รอดแล้วจริงๆ สังคมชี้นิ้วมาว่าเราผิด ไม่เห็นทางกลับมาได้เลยถ้ายังอยู่นิ่ง แค่ได้กลับมาเปิดก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ ผมไม่อยากให้เกิดการเหมารวมในภาคธุรกิจไหนอีกแล้ว ถ้าเกิดคลัสเตอร์ตรงจุดไหน ให้แก้ปัญหาเฉพาะจุดนั้น คนที่โดนปิดไป 32 ธุรกิจ และเพิ่งกลับมาเปิดได้ 5 ธุรกิจ คนเหล่านี้เสียสละอยู่กลุ่มเดียว นั่งมองตาปริบๆ เห็นยอดผู้ติดเชื้อที่ไม่เคยลดลง”
“ผมไม่ยอมที่จะทำกับเราแบบนี้ ไซต์ก่อสร้าง ห้าง ตลาด มีผู้ติดเชื้อทุกวัน ยังปิดเฉพาะโซน หรือร้านอาหารปิดทำความสะอาด 3-5 วันยังกลับมาเปิดได้ ทำไมใช้มาตรการเหล่านี้ได้ แล้วพวกผมผิดอะไร บอกว่ากินเหล้าเสี่ยงอาจจะจริงในเชิงวิชาการ แต่ในความเป็นจริง ไม่มีเหล้าเบียร์ ก็ยังมีผู้ติดเชื้อ ยังมีคลัสเตอร์ ถ้าไม่ล็อกดาวน์ทั้งหมด นั่นคือคุณกำลังบอกให้คนกลุ่มเดียวเสียสละโดยไม่ได้รับการเยียวยา เราเลยหาคนที่ลำบากเหมือนกันมารวมตัวกันถึงจุดนี้ที่เราต้องยื่นข้อเรียกร้อง”
คาดหวังมั้ยว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ “คาดหวังมาก พวกเราไม่อยากไปยื่นหนังสือ แต่ควรเป็นการเชิญชวนผู้ได้รับผลกระทบเข้าไปพูดคุยเพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหา แต่ที่ผ่านมาการหารือของรัฐไม่เคยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปเสนอแนะ มีเพียงกลุ่มหมอและทหารเท่านั้น ขณะที่นักการเมืองที่พูดแทนเราได้ก็ไม่เคยได้เข้าพูด พวกเราดำเนินตามกระบวนการที่ภาครัฐต้องการ เราเดือดร้อนเรายื่นหนังสือ ผมคาดหวังสื่อและสังคมให้เข้าใจ ช่วยกันติดตามและเป็นสักขีพยานดูสิว่ารัฐจะทำอะไรบ้าง” ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืน ทิ้งท้าย
