คุณตาขาพิการทั้งสองข้าง ไม่ยอมแพ้ สร้างรายได้จากผักคันจองวันละ 3,000 บาท

วันที่ 12 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปที่ทุ่งนาทางทิศตะวันออกของบ้านพังงู ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เป็นที่นาของนายวิมล เสาร์ดี อายุ 66 ปี พร้อมด้วยภรรยาคู่ชีวิต คือ ยายสุบิน เสาร์ดี อายุ 65 ปี ซึ่งกำลังช่วยกันเก็บผักคันจอง (ผักพาย) อย่างขะมักเขม้น โดยเฉพาะนายวิมล ซึ่งเป็นคนพิการไม่มีขาทั้งสองข้าง แต่ยังช่วยกันทำนาผักคันจองตลอด

ยายสุบินกล่าวว่า เมื่อก่อนตาวิมลไม่ได้เป็นคนพิการ เป็นคนขับรถสิบล้อ หาเลี้ยงลูกเมียตามปกติ จนกระทั่ง ปี 2519 เกิดอุบัติเหตุ รถชนกัน ทำให้ตาวิมล ถูกตัดขาทั้งสองข้าง เหลือแต่โคนขาจึงพากันกลับบ้านเกิด และ ตนจึงรวบรวมเงิน มาซื้ออุปกรณ์การซ่อมรถจักรยาน ให้สามี รับซ่อมจักรยาน จากนั้นพัฒนามาเป็นซ่อมรถจักรยานยนต์ ตนรวบรวมเงินได้ จึงมาซื้อรถสองแถว วิ่งรับส่งผู้โดยสารสายหนองหาน – กุมภวาปี โดยมีตนเป็นคนขับรถ กระทั่งตาวิมล อยากจะขับรถเอง จึงได้ทำการต่ออุปกรณ์เพื่อให้สามารถขับรถได้ จึงได้ขับรถสองแถวรับส่งผู้โดยสารมาตลอด ไม่ย่อท้อ กระทั่ง มาทำนาผักคันจอง อยู่ด้วยกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ช่วยเหลือกันมาโดยตลอด จากนั้นได้ซื้อรถตู้ รับส่งผู้โดยสาร และรับส่งนักเรียนในจังหวัดอุดรธานี

นายวิมลเผยว่า การทำนาผักคันจองสามารถสร้างรายได้ให้กับตนและภรรยาทุกวัน ๆ ละ 3,000 บาท และยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ตลาดยังต้องการเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก ประชาชนนิยมนำไปประกอบเป็นอาหารหลากหลายเมนู เช่น นำไปผัดน้ำมันหอย นำไปยำ นำไปทำเป็นลาบ ทานคู่กับอาหาร เป็นส่วนประกอบกับส้มตำ โดยเฉพาะตำป่า ขายหมดทุกวัน โดยตนนำไปขายในราคาส่ง จะมีพ่อค้า แม่ค้ารอรับผักจากตนทุกวัน ทำมานานหลายปีแล้ว ได้เงินน้อยแต่ตนได้เงินทุกวัน และผักของตนจะมีรสชาติหวานไม่ขมเนื่องจากเป็นผักที่อ่อน ตนเก็บทุกวัน ต่างจากเจ้าอื่นที่รสชาติผักออกขม จึงเป็นที่นิยมมาตลอด

ตาวิมลกล่าวต่อว่า เคยมีคนมาชักชวนให้ตนไปเป็นขอทาน อ้างว่าได้เงินดี ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย ตนโกรธมาก ถือว่าเขามาดูถูกดูแคลนตน เพราะตนเชื่อว่า ตนมีสมอง มีความคิด ตนจะไม่งอมืองอเท้าเด็ดขาด เวลาตนขับรถไปส่งผู้โดยสาร ตนจะสังเกตและมองหาช่องทางในการทำมาหากิน ที่ชาวจังหวัดอื่นประสบความสำเร็จ ซึ่งการปลูกบางอย่างไม่เหมาะกับพื้นที่บ้านเรา สภาพดิน สภาพดินฟ้าอากาศ และปีนี้ตนได้รับคัดเลือกให้ไปรับรางวัลคนพิการต้นแบบ ที่ กทม.จากท่านอดุลย์ แสงสิงแก้ว

“เป็นรางวัลที่ผมภาคภูมิใจมาก เพราะผมเป็นคนพิการ แต่ผมไม่ท้อถอยกับชีวิต ผมเชื่อว่า ผมเป็นคนขยันที่สุด และอยากฝากข้อคิดถึงทุก ๆ คนว่า ขอให้ทุกคนขยัน เมื่อขยัน ไม่รวยเราก็จะมีกิน เมื่อมีเยอะ เราก็สามารถนำไปขายได้ ส่วนคนพิการทั้งหลาย อย่าได้ท้อถอย ขอให้ท่านสู้ชีวิต อย่าให้คนอื่นเขาเหยียดหยามว่าเราพิการ ต้องขอกิน ขอให้เราสู้”

 

 

ที่มา ข่าวสด