ลูกทุ่งอาลัย “ลพ บุรีรัตน์” มะเร็งตับคร่าครูเพลงศิลปินแห่งชาติ สร้างสรรค์ผลงานมากกว่า 2,000 เพลง!

ลูกทุ่งอาลัย”ลพ บุรีรัตน์”

ครูเพลงศิลปินแห่งชาติ มะเร็งตับคร่า-วัย 77 ปี นักร้อง”เปาวลี”เสียใจ

คนลูกทุ่งสุดอาลัยสิ้นครูเพลง”ลพ บุรีรัตน์” มะเร็งตับคร่าชีวิตปิดตำนานบรมครูเพลง ลูกทุ่งชื่อดังผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง เสียชีวิตอย่างสงบด้วยอาการปอดติดเชื้อเมื่อค่ำวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ร.พ.ศูนย์จุฬาภรณ์ ครูเพลง ลพ บุรีรัตน์ หรือวิเชียร คำเจริญ สร้างสรรค์ผลงานเพลงมากมายกว่า 2,000 เพลง และเป็น ผู้แต่งเพลงให้ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ร้องโด่งดัง กลายเป็นราชินีลูกทุ่ง บุตรสาวของครูและญาติเตรียมทำพิธีรดน้ำศพในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง น.ส.บุษบา คำเจริญ ลูกสาวคนกลางของ “ครูลพ บุรีรัตน์” ครูเพลงชื่อดัง ถึงการเสียชีวิตของบิดา เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ด้วยวัย 77 ปี ทั้งนี้ น.ส.บุษบา คำเจริญ ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ เนื่องจากมีอาการเศร้าเสียใจมาก ด้านเลขาฯ ของน.ส.บุษบา จึงได้ให้สัมภาษณ์แทนว่าครูลพเสียชีวิตอย่างสงบด้วยอาการปอดติดเชื้อ เมื่อเวลา 20.16 น. หลัง จากเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. ที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นก็ย้ายมาที่โรงพยาบาลบางโพ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ตามลำดับ ในตอนนั้นอาการป่วยของครูลพ บุรีรัตน์ ยังไม่ดีขึ้น รวมถึงครูลพ บุรีรัตน์ เป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดีในตับด้วย แต่ยังไม่สามารถรักษาได้ เนื่องจากปอดยังไม่ดี จึงต้องรักษาในส่วนของปอดติดเชื้อให้ดีก่อน แต่ก็ไม่ทัน ครูลพ บุรีรัตน์ มาเสียชีวิตไป เสียก่อน

ส่วนสภาพจิตใจของคนในครอบครัว เลขาฯ คนเดิมกล่าวว่า ลูกสาวทั้ง 3 คนของครูลพ บุรีรัตน์ ได้แก่ ดารณี, บุษบา และ ชนิกา ยังอยู่ในช่วงเวลาทำใจกันทั้งหมด ที่ผ่านมาทุกคนช่วยกันดูแลครูลพ บุรีรัตน์ อย่างดีมาตลอด รวมถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรักษาก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตก็พยายาม จะช่วยกันเท่าที่ทำได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเหมือนกัน

สำหรับพิธีรดน้ำศพจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค. เวลา 15.30 น. โดยทางครอบครัวได้ขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และสวดอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน ที่ศาลา 10 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน หลังจากนั้นจะเก็บศพไว้ 100 วัน แล้วค่อยทำพิธีฌาปนกิจ

ด้านจอมขวัญ กัลยา นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ซึ่งเคารพนับถือครูลพ บุรีรัตน์ เหมือนพ่อคนหนึ่ง กล่าวว่า ตนทราบข่าวการเสียชีวิตของครูลพ บุรีรัตน์ เมื่อตอน 2 ทุ่มของเมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.) พอทราบข่าวก็ร้องไห้เลย ตอนนั้นตนไปร้องเพลงที่ร้านอาหารสองแควคาเฟ่ จ.พิษณุโลก พยายามติดต่อลูกสาวของครูลพ บุรีรัตน์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่าคงกำลังยุ่งเรื่องการจัดการศพอยู่ แม้ว่าก่อนหน้านี้ทราบมาตลอดว่าครูลพ บุรีรัตน์ ป่วยหนัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาจากไปเร็วเช่นนี้ ช่วงที่ครูลพ บุรีรัตน์ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ได้ไม่กี่วัน ตนได้นำกระเช้าไปเยี่ยมในนามของสมาคมนักเพลง ลูกทุ่งแห่งประเทศไทย หลังจากนั้นที่ครูลพ บุรีรัตน์ ได้ย้ายโรงพยาบาลไปอีก 2 แห่งก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยม ส่วนหนึ่งเพราะครูลพ บุรีรัตน์ รักษาตัวในห้องไอซียูด้วย ทางคุณหมอและครอบครัวจึงไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยม

“ตอนไปเยี่ยมมาล่าสุดครูยังสามารถพูดคุยได้ปกติ ร้องพลงให้ฟังได้ หน้าตาก็สดชื่น ยังบอกเลยว่าอีกไม่กี่วันครูก็กลับบ้านได้แล้ว ครูบอกด้วยว่าอยากจะขอคุณหมอกลับบ้านเหมือนกัน หลังจากนั้นอาการป่วยของครูทรุดลงเรื่อยๆ และมีการย้ายโรงพยาบาลด้วย แต่ก็พยายามโทร.ถามลูกสาวของครูตลอดว่าอาการของครูเป็นยังไงบ้าง หมอให้เข้าเยี่ยมหรือยัง ลูกสาวครูบอกว่าอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สุดท้ายครูก็ย้ายไปอีกโรงพยาบาลก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมอีกเลย” จอมขวัญกล่าว

ต่อข้อถามถึงความสนิทสนมกับครูลพ บุรีรัตน์ ลูกทุ่งคนดังกล่าวว่า ตนเคารพนับถือครูลพ บุรีรัตน์ เป็นพ่อคนหนึ่ง รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนที่ตนยังไม่ได้เป็นนักร้องของค่ายไหนเลย ครูรักและเอ็นดูตนมากเพราะชอบเสียงและสไตล์การร้อง จนมีโอกาสได้ร้องเพลงที่ครูแต่ง คือ “ข้าวคำสุดท้าย” ซึ่งเพลงนี้ทำให้ตนได้รับรางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยม ปีพ.ศ.2549 รางวัลมาลัยทองอีกด้วย หลังจากนั้นตนไปมาหาสู่ครูลพ บุรีรัตน์ ตลอดใน โอกาสสำคัญๆ แม้กระทั่งวันที่ไปเยี่ยมครั้ง ล่าสุดครูลพ บุรีรัตน์ ยังบอกด้วยว่าเพลงที่ครูได้แต่งถวายในหลวงมีเยอะ ตนสามารถเอาไปร้องได้เลยโดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ ตนมีโอกาสได้ร้องเพลงที่ครูลพ บุรีรัตน์ แต่งให้เพลงเดียว คือ “ข้าวคำสุดท้าย” ส่วนอีกเพลงที่เป็นจังหวะโจ๊ะๆ เป็นมาสเตอร์อยู่ยังไม่ได้ออกมาเป็นซิงเกิลที่นำเผยแพร่ ในวันนี้ที่ ครูลพ บุรีรัตน์ จากทุกคนไปแล้ว ขอให้ดวงวิญญาณของครูไปสู่สุคติ นอนหลับพักผ่อนให้สบาย ความดีและผลงานของครูยังคงอยู่ในใจของนักร้องลูกทุ่งและประชาชนคนไทยตลอดไป

เปาวลี พรพิมล นักร้องลูกทุ่งรุ่นใหม่ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้ไปกราบครูลพ บุรีรัตน์ ช่วงปีใหม่เมื่อหลายปีแล้ว รวมถึงได้เจอกันตอนที่เล่นหนังเรื่องพุ่มพวง แต่ว่าไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันบ่อยมาก ล่าสุดจำได้เจอครูลพ บุรีรัตน์ ตอนที่ภรรยาของครูไม่สบาย หลังจากนั้นก็ทราบข่าวว่าครูป่วยเหมือนกันแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยม ทราบข่าวว่าครูลพ บุรีรัตน์ เสียชีวิตเมื่อเช้านี้ รู้สึกใจหายมากว่า ครูเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับนักร้องลูกทุ่งที่เป็นอมตะอย่างแม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์) ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ตนอยู่ในเส้นทางของลูกทุ่งมาระยะหนึ่ง มีโอกาสได้นำบท เพลงของแม่ผึ้ง ซึ่งครูลพ บุรีรัตน์ เป็นคนแต่งไว้มาร้องหลายเพลง อยากจะขอบคุณที่ครูได้สร้างผลงานดีๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และฟังกัน การจากไปของครูลพ บุรีรัตน์ ครั้งนี้ถือเป็น การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการลูกทุ่ง

“ความประทับใจที่มีต่อครูลพ บุรีรัตน์ ครูเป็นคนใจดี มีเมตตา ตอนที่เปาได้ไปกราบครูก็ต้อนรับและเอ็นดูในฐานะที่เป็นศิลปิน รุ่นใหม่ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดครูมาตั้งแต่สมัยแรกๆ ก็ตามค่ะ” ลูกทุ่งสาวกล่าว

ด้านนกน้อย-บริพันธ์ ชัยภูมิ นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนทราบข่าวว่าครูลพเสียชีวิตเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.)ความรู้สึกคือตกใจและใจหายเพราะครูทำเพลงให้กับทางสมาคมค่อนข้างเยอะ จริงๆ รู้ข่าวว่าครูเจ็บป่วยมาเป็นเวลานาน เมื่อก่อนมีโอกาสได้ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้ดูจะนานกว่าทุกครั้ง ยิ่งมารู้ว่าเข้าห้องไอซียู และเริ่มไม่รู้สึกตัวก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ทางสมาคม ก็มีการปรึกษาหารือพอสมควรว่าจะช่วยเหลือยังไงดี ก่อนหน้านั้นมีการได้พูดคุยกับทางคุณไผ่-บุษบา คำเจริญ ลูกสาวของครูลพ เรื่องการช่วยเหลือนี้ จนมาทราบข่าวการเสียชีวิตของครูยิ่งรู้สึกว่ามันคือเรื่องใหญ่ในวงการ ลูกทุ่ง เพราะครูลพเป็นหนึ่งในเทพสายการแต่งเพลง รวมถึงเป็นที่รักของคนในวงการเพลงลูกทุ่งมานาน คิดว่าก็ต้องพยายามทำอะไรเพื่อครูสักอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากการไปร่วมงาน อาจจะมีการจัดงานรำลึกถึงครูลพ แต่ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ภายใต้คุณไผ่ซึ่งเป็นลูกสาวที่จะต้องเป็นคนตัดสินใจ

เมื่อถามว่าในส่วนของสมาคมมีการช่วยเหลือเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษามาก่อนหน้านี้บ้างไหม นกน้อยกล่าวว่า เนื่องจาก ครูลพเจ็บป่วยมาเป็นเวลานาน สมาคมก็ช่วยเหลือเรื่องค่าใช่จ่ายการรักษาครั้งละหนึ่งหมื่นบาทเป็นระยะ พอครูเสียชีวิตสมาคมก็ต้องช่วยเหลืออีก ตนชื่นชมคุณไผ่อย่างมาก พูดเต็มปากเต็มคำได้เลยว่าครอบครัวของครูมีปัญหาเรื่องการค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่คุณไผ่ก็จะบอกเฉพาะคนใกล้ตัวเพราะคุณไผ่เกรงใจ ไม่อยากรบกวนใครและไม่อยากให้ถูกมองว่าคุณพ่ออนาถา คำว่าเดือดร้อนไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีเลย คือมีแต่ว่าก็จ่ายไปเยอะมาก เพราะโรงพยาบาลบางแห่งที่ไปรักษาเป็นโรงพยา บาลเอกชนและอยู่ห้องไอซียูตลอด ฉะนั้นปัญหาเรื่องค่ารักษามีแน่ๆ แต่ว่าคุณไผ่ไม่ใช่คนกระโตกกระตาก ใครที่รู้ก็จะไปช่วยเหลือและเยียวยากันเอง จะมีการจัดงานรำลึกนั้นถึงขั้นเป็นคอน เสิร์ตเลยไหม นายกสมาคมกล่าวว่า การจัดงานมันมีได้ด้วยกันหลายรูปแบบ อาจจะไม่ได้ถึงขั้นคอนเสิร์ต อาจจะเป็นการรวมตัวของลูกศิษย์ลูกหาไปร้องเพลงแสดงความอาลัยต่อครูบาอาจารย์ เพียงแต่ว่าคอนเสิร์ตอาจจัดขึ้นเพื่อให้รายได้กับครอบครัวซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สำหรับ “ครูลพ บุรีรัตน์” ครูเพลงชื่อดัง มีชื่อจริงว่า วิเชียร คำเจริญ ชื่อเล่น หงิม เกิดเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2482 ที่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เคยสมัครตัวเป็นลูกศิษย์เรียนเขียนเพลงกับครูไพบูลย์ บุตรขัน เจ้าของฉายาอัจฉริยะนักแต่งเพลงอันดับหนึ่งของไทย จนกระทั่งได้แต่งเพลง กอดหมอนนอนเพ้อ ซึ่งทูล ทองใจ นำมาขับร้องในภายหลัง โดยในครั้งนั้นครูไพบูลย์ชื่นชมในลีลาการแต่งเพลงของครูลพ บุรีรัตน์ เป็นอย่างมาก

ต่อมาท่านได้แต่งเพลงสร้างชื่อให้กับ นักร้องลูกทุ่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยอดรัก สลักใจ, ศรเพชร ศรสุพรรณ, ก้องเพชร แก่นนคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอดีตราชินี ลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ทั้งเพลงสาวนา สั่งแฟน, อื้อฮือหล่อจัง, กระแซะเข้ามาซิ, ดาวเรืองดาวโรย, นัดพบหน้าอำเภอ นอกจากนี้ยังมีบทเพลงสยามเมืองยิ้ม, ผู้ชายในฝัน (พุ่มพวง ดวงจันทร์), 30 ยังแจ๋ว, เด็กเอ๊าะเอ๊าะ (ยอดรัก สลักใจ), เกลียดห้องเบอร์ห้า, คนถูกแย่งรัก, สาวสองเมือง (สายัณห์ สัญญา), ใจจะขาด, มอเตอร์ไซค์ทำหล่น (ศรเพชร ศรสุพรรณ) ครูลพ บุรีรัตน์ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง) ประจำปีพ.ศ.2548

 

ที่มา ข่าวสด