เยียวยาระลอก 3 เหมือนให้ยาผิด ดึงคนออกมาจับจ่าย กระจายเชื้อให้เพิ่ม

เยียวยาระลอก 3 เหมือนให้ยาผิด ดึงคนออกมาจับจ่าย กระจายเชื้อให้เพิ่ม
เยียวยาระลอก 3 เหมือนให้ยาผิด ดึงคนออกมาจับจ่าย กระจายเชื้อให้เพิ่ม

เยียวยาระลอก 3 เหมือนให้ยาผิด ดึงคนออกมาจับจ่าย กระจายเชื้อให้เพิ่ม

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึง มาตรการเยียวยาระลอก 3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เหมือนให้ยาผิด เพราะการเติมเงิน ดึงคนออกมาจับจ่ายใช้สอยช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก วัคซีนยังไม่เพียงพอ และ การฉีดก็ยังเข้าไม่ถึงประชาชนอย่างแพร่หลาย จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อหนักขึ้นไปอีก

แต่กลุ่มที่ต้องได้เยียวยาเร่งด่วน คือ กลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อคำสั่งรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 พ.ค. และตลอดช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่าน พวกเขาประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด หากไม่มีมาตรการเยียวยาอย่างเร่งด่วน อาจต้องปิดตัวและเกิดภาวะคนว่างงานในอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า

โดย พรรคกล้า ได้เสนอมาตรการ 7 ข้อ เพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาลเร่งดำเนินการช่วยเหลือ คือ 1. รัฐบาลเยียวยาตรง 50,000 บาทให้ทุกร้านอาหาร (เป็นเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท) 2. รัฐบาลชดเชย 20% ของรายได้ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยมีการกำหนดเพดานที่เหมาะสม  3. รัฐบาลรับภาระการจ่ายเบี้ยประกันสังคมพนักงานทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง

  1. รัฐบาลเจรจาปรับลดหรือชดเชยค่า GP delivery เพื่อให้ค่า GP ไม่สูงกว่า 15% (ปัจจุบัน 30-35%)
  2. รัฐบาลลดค่านํ้าค่าไฟให้ผู้ประกอบการ 50% 6. รัฐบาลและท้องถิ่นงดเก็บภาษีป้าย/ภาษีที่ดินจากร้านอาหารจนถึงสิ้นปี และ 7. แบงก์ชาติจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ทั้งหมดนี้มีเงื่อนไขสำคัญข้อเดียว คือ ร้านอาหารต้องไม่ลดพนักงานและไม่ลดค่าจ้าง ซึ่งทั้ง 7 ข้อนี้ หวังว่า รัฐบาลจะรับฟังและดำเนินการอย่างเร่งด่วน

“รัฐบาลไม่ควรช่วยแบบเหวี่ยงแห โปรยเงินจากฟ้า เพราะไม่ถูกกลุ่ม เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน คนเดือดร้อนจริงไม่ได้รับ วันนี้ร้านอาหาร นักดนตรี คนทำงานกลางคืน ทั้งระบบได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า หากอนาคตมีการประกาศเคอร์ฟิวจะทำอย่างไร เพราะจากนี้ก็ไม่แน่ใจว่า เมื่อผ่านระลอกสามแล้ว การแพร่ระบาดจะจบ ไม่มีใครการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีข้อมูลแล้วว่าไวรัสสายพันธุ์อินเดีย ก็พัฒนาสายพันธุ์จนวัคซีนเอาไม่อยู่” คุณวรวุฒิ กล่าว