ดารา ‘เจษฎ์พิพัฒ’ ย้ำไกด์ไม่ห้ามนั่งถ่ายรูปจุดชมวิว ‘กิ่วแม่ปาน’ แต่ขอโทษจากใจหากเป็นตัวอย่างไม่ดี

ตกเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมาก สำหรับ เจษ – เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ผู้เป็นที่รู้จักจากบท ‘เชษฐา’ ในเรื่อง ‘พิษสวาท’  หลังจากโพสต์ภาพนั่งที่ราวกั้นไม้ตรงจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากตรงจุดนั้นมีป้ายเตือนว่าห้ามปีนหรือยืน ทำให้หลายคนมองว่า ‘การนั่ง’ ก็ไม่เหมาะสม  (อ่านเพิ่มเติม : ดราม่าซ้ำ ‘กิ่วแม่ปาน’ ดารานั่งถ่ายรูปตรงราวไม้กั้น เมื่อโดนเตือนกลับย้อนป้ายบอกแค่ห้ามปีนหรือยืน)

ล่าสุดเจษ – เจษฎ์พิพัฒ ได้เปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ‘มติชนออนไลน์’ โดยว่า ได้เห็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวแล้ว แต่ยืนยันว่าก่อนที่จะนั่งถ่ายรูปได้ตรวจสอบแล้วว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมไปเที่ยวกับเพื่อนบนดอยอินทนนท์ ตรงกิ่วแม่ปาน จุดที่ผมไปถ่ายรูปเป็นจุดต้องเดินขึ้นไปประมาณกิโลฯ นึงเป็นจุดที่ 9 จากทั้งหมดมี 21 จุด ตอนที่ผมเดินเข้าไปถึงก็มีคนต่อแถวถ่ายรูปเต็มเลย มันก็มีคนต่อแถวกัน ผมเพิ่งถึงก็มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งไปยืนตรงจุดที่ผมนั่งลงในรูป ทีนี้ก็มีเจ้าหน้าที่หรือว่าไกด์ที่พาขึ้นมา คือจะมีไกด์คนหนึ่งต่อกลุ่มหนึ่ง เขาก็บอกว่าห้ามยืน อันตราย นักท่องเที่ยวก็นั่งลง ไกด์ก็ปล่อยให้ถ่ายรูปปกติ ซึ่งทุกคนที่ต่อแถวถ่ายรูปโดยท่านั่งเหมือนกันทุกคน ผมก็เห็นป้ายแล้วนะ ก็คิดว่าถ้าเขาเตือนแล้วสิ่งที่ทำได้คือสิ่งนี้ นั่นคือสิ่งที่ทำไม่ได้ ผมก็คิดว่าสิ่งนี้ก็ทำได้ เพราะทุกคนก็ทำกัน” เจษเล่า

พร้อมกับว่า หลังจากมีคนนั่งลงถ่ายภาพตรงราวไม้กั้นก็ไม่มีไกด์มาเตือน และปล่อยให้ถ่ายรูปต่อไป ตนจึงคิดว่าทุกคนก็สามารถนั่งถ่ายภาพตรงนั้นได้

“ผมไม่ได้คิดว่าจะมีดราม่าอะไร แค่เห็นว่าเขาเตือนอะไร พอทำอีกแบบเขาก็เห็นในสายตาของเขา เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรคนๆ นั้น แล้วทุกคนก็ทำกัน ก่อนหน้าผมก่อนที่ผมจะถ่ายก็มีคิวข้างหน้าผมก็ถ่ายเหมือนกับที่ผมถ่าย” เขาย้ำ

และว่า “สำหรับเรื่องอันตรายหรือไม่อันตราย มันแล้วแต่มุมมองของคน แต่ถ้าพูดในความจริงแล้ว มุมนั้นทุกคนถ่ายพยายามตัดส่วนที่เป็นพื้นออกไปให้เหมือนเรานั่งอยู่บนเหว แต่จริงๆ แล้วถ้าคนเคยไปตรงข้างล่างจุดที่นั่งจะเป็นพื้นหญ้า ถามว่าอันตรายไหมก็อันตรายถ้าลงไปผิดท่าอาจกลิ้งตกเขาไปก็ได้ หรืออาจจะไม่อันตรายก็ได้แล้วแต่มุมมองของคน”

“จริงๆ ผมลงไปตั้งนานแล้วตั้งแต่วันที่ผมเที่ยว ดราม่าเพิ่งมาเมื่อวานเหมือนมันมีเรื่องราวในอินเตอร์เน็ตซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็เหมือนมีคนแคปรูปผมไปว่าผมก็ทำแบบนี้นะ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็มีคนไปเชื่อมโยง  (มีผู้หญิงคนหนึ่งไปยืน?) ใช่ๆ ไปยืนซึ่งสิ่งนั้นป้ายบอกว่ายืน ซึ่งถ้าเราเห็นเราก็ไม่ยืนอยู่แล้วถึงแม้ไกด์จะไม่บอก เพราะป้ายห้าม แล้วรูปที่ผมลงก็เห็นว่ารูปของผมมีป้ายติดอยู่ ที่ผมไม่ตัดป้ายออกเพราะผมบริสุทธิ์ใจ เพราะไกด์เขาบอกแล้วว่าทำสิ่งไหนไมได้ สิ่งไหนได้ เราก็ทำตามที่เขาบอก”

เจษ เจษฎ์พิพัฒ

 

ส่วนเรื่องที่ไปแสดงความคิดเห็นตอบโต้ผู้ที่เขามาคอมเม้นท์เตือน โดยว่าในป้ายบอกห้ามปีนหรือยืน ไม่ได้ห้ามนั่ง ที่สำคัญตอนถ่ายภาพก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่นั้น เขาว่า “ผมก็พยายามอ่านคำที่ผมพิมพ์ไปหลายๆ รอบ”

“ผมคิดว่าผมชี้แจงนะ คือผมไม่อยากให้ใครมาว่าใครก่อนจะรู้เรื่อง แล้วเขาก็เข้ามาว่าผมเลยว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ผมก็บอกว่าป้ายบอกว่าห้ามยืนและห้ามปีนนะครับแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดก็บอกไปตามที่ผมเจอ”

แต่ที่เลือกจะลบรูปออกไปก็เพราะ “ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นแบบอยู่ในโซเชียลแล้วมันเชื่อมมาถึง และไม่รู้ว่ามันจะต่อยอดไปถึงไหน ลบก่อนดีกว่า”

อย่างไรก็ตาม เขายอมรับ “มันก็มีมุมที่เราผิดส่วนหนึ่ง ที่เราอยากจะขอโทษเพราะมีคนบางคนที่ตามไอจีเราทำแบบเรา ซึ่งผิดไม่ผิดเราพูดไม่ได้ เพราะมันก้ำกึ่ง ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมถูกซะทีเดียว แต่ว่าถ้าถามว่าทำแบบนั้นตกลงไปอันตรายไหมอาจจะอันตรายก็ได้ ถ้ามีคนไปทำตามอย่างที่ผมทำก็อาจเกิดอันตรายกับเขาก็ได้ ตรงนั้นผมขอโทษ แต่ว่าถ้าคนที่ว่าบอกว่าเราผิด เราไม่ดี ไม่มีสามัญสำนึก อันนี้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด”

โดยบางความเห็นที่รุนแรง เจษบอก “ไม่เป็นไรครับ ก็เข้าใจได้”

“แต่อยากชี้แจงว่าวันนั้นที่ผมไปก็มีคนเจอผมเต็มไปหมด ถ่ายรูปกับผมเต็มไปหมด ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ทำกันเหมือนคนมาท่องเที่ยว เราไม่ได้โกหกหรือสร้างเรื่องขึ้นมา ตรงนั้นมีคนอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วก็เห็นเหมือนที่ผมเห็นจริงๆ ผมก็เลยพูดตามความจริงดีกว่าแล้วก็บอกได้เลยว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง”

“(ถ้าไม่ใช่คนดังอาจไม่มีปัญหา?) ไม่อยากพูดแบบนั้น เราเป็นต้นแบบเลยทำให้เป็นจุดสนใจ มันก็มีคนที่เห็นว่าไม่อันตราย และมีคนที่เห็นว่ามันอันตราย  คือคนที่มาเตือน มาว่าเราก็อาจจะเห็นว่าตรงจุดนี้มันอันตราย  ตรงจุดนี้ไม่ควรเอามาลงนะเดี๋ยวมีคนไปทำตาม มันก็มีหลายมุมที่คนเอาไปคิดได้ มันพูดไม่ได้ว่าเป็นดาราหรือไม่เป็นดารามันพูดไม่ได้”

ทว่ายอมรับว่าการเป็นดาราอาจต้องระวังตัวให้มากขึ้น เพราะดาราควรเป็นตัวอย่างที่ดี

“มันก็เข้าใจได้นะครับ ไม่ใช่ว่าเราเป็นดาราเราผิดเสมออย่างนี้ก็ไม่ใช่ก็มีมุมที่เข้าใจได้ว่าไม่ถูก ผิด เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เห็นด้วยว่าดาราควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีเพราะเราไม่รู้ว่าใครมองเราบ้าง ไม่รู้ว่าใครทำตามเราบ้าง” เขาว่า

และบอกทิ้งท้าย เมื่อถูกถามว่าอยากขอโทษหรือไม่ว่า “อยากให้คนอ่านตามความเป็นจริง แล้วก็ไม่อยากให้คิดอะไรไปมากกว่าที่มันเป็น สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น”

“และในมุมที่เป็นแบบอย่างไม่ดีผมก็เข้าใจ ผมก็ขอโทษ  ใครอย่าไปทำตามผมอาจจะเกิดอันตรายได้”  

 

ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์พันทิปโดย สมาชิกหมายเลข 3418112 และภาพจากอินสตาแกรม jesjpp

 

ที่มา มติชนออนไลน์