วิกฤตโควิดระบาดรอบใหม่ ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 64 เหลือ 1.8%

วิกฤตโควิดระบาดรอบใหม่ ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 64 เหลือ 1.8%
วิกฤตโควิดระบาดรอบใหม่ ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 64 เหลือ 1.8%

วิกฤตโควิดระบาดรอบใหม่ ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 64 เหลือ 1.8% แนะเร่งปูพรมวัคซีน

วันที่ 22 เม.ย. 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2564 จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6% เป็น 1.8% เนื่องจากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงกว่ารอบก่อนหน้ามีผลต่อการบริโภคของครัวเรือน ทั้งในด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความเชื่อมั่น

รวมถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2 ล้านคน แม้มีปัจจัยบวกจากการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

โดยคาดว่าภาครัฐจะออกมาตรการต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ภายใต้วงเงินกู้ 1 ล้านล้าน ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลืออยู่ราว 2.4 แสนล้านบาท และเงินจากงบกลางอีกราว 1.3 แสนล้านบาท

ด้วยเหตุนี้ การเร่งฉีดวัคซีน จึงเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งหากล่าช้าก็มีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดจะยืดเยื้อหรืออาจเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอก จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและอาจทำให้ความหวังที่จะเห็นภาคการท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัวและกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยล่าช้าออกไป

ทั้งนี้ ในกรณีที่การแพร่ระบาดยืดเยื้อหรือเกิดการระบาดรุนแรงอีกครั้งในไตรมาส 3/2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มที่จะไม่เติบโตจากปีก่อนหน้า

นอกจากการเร่งปูพรมกระจายวัคซีนแล้ว การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ก็ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจเร่งด่วน ซึ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 1,000 คนต่อเนื่องหลายเดือนจนเกินขีดจำกัดในการรองรับผู้ป่วย ก็อาจทำให้เกิดภาวะระบบสาธารณสุขล่ม จนส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเผชิญต้นทุนแฝงที่อาจประเมินค่าไม่ได้

ในขณะที่ต้นทุนการดำเนินชีวิตของประชาชนจะเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้ป่วยธรรมดาจะไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้อย่างปกติเหมือนเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมให้ประสิทธิภาพของแรงงานลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงอาจมีมูลค่ามากกว่าการบริโภคที่ลดลงและรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป