จับตา 4 เทรนด์สำคัญปี 64 วงการประกันภัยไทย จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จับตา 4 เทรนด์สำคัญปี 64 วงการประกันภัยไทย จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
จับตา 4 เทรนด์สำคัญปี 64 วงการประกันภัยไทย จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์โควิด-19 ที่กระทบกับเราทุกคน และในปีนี้เรายังคงต้องปรับตัวและเรียนรู้วิถีใหม่กันอยู่จากการระบาดระลอกใหม่ หลายท่านคงเห็นแล้วว่าสุขภาพกลายมาเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในใจของคนไทยวงการประกันภัยเองก็พัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อก้าวให้ทันไลฟ์สไตล์คนไทย ช่วยหาทางป้องกันความเสี่ยงใหม่ๆ ลดภาระค่าใช้จ่าย และสร้างหลักประกันในชีวิต

ดร. มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

ทาง TIC ไทยประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกและอยู่คู่กับคนไทยมากว่า 80 ปี ก็ได้เร่ง Transform องค์กรครั้งใหญ่เพื่อเป็น Thailand’s First Innovative Insurer จึงอยากพูดถึง 4 แนวโน้มสำคัญที่เราจะเห็นในปีนี้ เพื่อให้ท่านเห็นภาพชัดขึ้นว่าประกันภัยจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน

  1. Digitalization-ประกันภัยจะเป็นดิจิทัลยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ช่วงการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 หลายคนได้รู้จักกับการซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งซื้อได้ผ่านคอมพิวเตอร์หรือมือถือตลอด 24 ชั่วโมง จ่ายเงินผ่านออนไลน์ และรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเริ่มต้นความคุ้มครองทันที

เทคโนโลยีดิจิทัลมีศักยภาพอีกมาก ที่จะช่วยยกระดับบริการของประกันภัย ในช่วงหลังการขายด้วย เช่นกรณี ประกันภัยรถยนต์ หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเรียกเคลมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยรู้ล่วงหน้าว่าคนเคลมประกันจะมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อใด ดึงข้อมูลกรมธรรม์และเปิดเคลมโดยไม่ต้องแนบเอกสาร และยังเลือกอู่และติดตามสถานะการซ่อมผ่านทางออนไลน์ได้ตลอดเวลา

  1. Untapped demand-คนไทยและภาคธุรกิจยังต้องการทำประกันอีกมาก

เห็นได้ชัดจากประกันภัยโควิด-19 ที่ได้รับความนิยมสูงกว่า 9 ล้านกรมธรรม์ ภายในเวลาไม่นาน เนื่องจากคนไทยสนใจการบริหารความเสี่ยงในชีวิตมากขึ้น และยังมีความต้องการใหม่ๆ จากภาคธุรกิจ เช่น ประกันความปลอดภัยไซเบอร์ ประกันพืชผลทางการเกษตรหรือการประมง ทั้งสังคมผู้สูงอายุ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะทำให้ทุกคนหันมาสนใจทำประกันเพื่อลดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่วงการประกันภัยให้ความสนใจ นั่นคือ กลุ่ม Generation C ซึ่งถูกจัดขึ้นมาโดยการแยกกลุ่มคนจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน นั้นคือการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อยู่ตลอดเวลา

  1. More personalized and affordable-คนไทยทุกคนเข้าถึงประกันภัยที่คุ้มค่าและเฉพาะตัว

นวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ไอโอที การเชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์ และเทคโนโลยี Ai ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของการทรานส์ฟอร์มของ TIC ไทยประกันภัยตั้งแต่ต้นปี 2020 ช่วยให้ธุรกิจประกันภัยสามารถเข้าใจผู้บริโภคแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น มอบความคุ้มครองอย่างเหมาะสมกับข้อมูลความเสี่ยงของแต่ละบุคคล คำนวณเบี้ยอย่างเป็นธรรมจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตจริง

ในภาพรวมของธุรกิจ เมื่อมีอุปทานของการทำประกันภัยสูงขึ้น ก็จะก่อให้เกิด Economy of scale หรือจุดคุ้มทุน ที่ทำให้ธุรกิจประกันภัยไทย สามารถนำเสนอความคุ้มครองที่หลากหลายและครอบคลุมแก่คนจำนวนมากขึ้น ในราคาที่ถูกลง

โดยเฉพาะเมื่อทุกอย่างเป็นดิจิทัลและไม่ก่อให้เกิดต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มแม้มีผู้ทำประกันจำนวนมาก รวมถึงพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจประกันภัยที่ประกอบด้วยประกันหลากหลายประเภท จะช่วยกระจายความเสี่ยงจากกรณีเรียกร้องสินไหมจำนวนมากพร้อมกันจากประกันประเภทใดประเภทหนึ่ง ซึ่งสุดท้าย ประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่ที่ลูกค้า

  1. Insurance will never be the same-ประกันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เมื่อประกันภัยเข้ามาอยู่ในทุกๆ มิติของชีวิตคนไทย ธุรกิจประกันภัยจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์ม เป็นตัวกลางเชื่อมต่อทั้ง Front-end และ Back-end กับพันธมิตรต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี Open API 

สามารถนำผลิตภัณฑ์ประกันภัย ไปพ่วงกับสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น

นอกจากแบงก์แอสชัวรันส์ หรือการขายประกันผ่านธนาคารแล้ว ประกันภัยมีโอกาสสร้างพันธมิตรใหม่กับธุรกิจอื่นอีกมาก เช่น นำเสนอประกันอัคคีภัยเมื่อซื้อบ้าน ประกันอุบัติเหตุเมื่อซื้อหรือเช่ารถยนต์ ประกันการเดินทางเมื่อจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น

ซึ่งในปี 2564 นี้ TIC เตรียมออกผลิตภัณฑ์มากมายที่ตอบโจทย์คนไทย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยความคุ้มครองที่ทุกคนเข้าถึงได้ เราปรับใช้กลยุทธ์บน 3 แนวทางหลัก นั่นก็คือ Transform, Innovate และ Expand บนแนวคิด Insurance Will Never be the Same